top of page
  • Whatsapp
  • Line
  • โทรเลข
  • Facebook
  • Instagram
ค้นหา

จากประสบการณ์หมอโนโน่ ปัญหา "หลุมสิว" และ "ริ้วรอย" รักษาอย่างไรให้ได้ผล... กับวิสัยทัศน์แห่งการ "Remodel ผิว" ที่ Entrio Clinic

หมอโนโน่ Entrio Clinic คลินิกเสริมความงาม ราชประสงค์ เผยวิสัยทัศน์ "Remodel ผิว" รับมือ "หลุมสิว" และ "ริ้วรอย" อย่างได้ผล ด้วยนวัตกรรมดูแลผิวจากภายใน เพื่อผิวเรียบเนียนอ่อนเยาว์อย่างยั่งยืน
หมอโนโน่ Entrio Clinic คลินิกเสริมความงาม ราชประสงค์ เผยวิสัยทัศน์ "Remodel ผิว" รับมือ "หลุมสิว" และ "ริ้วรอย" อย่างได้ผล ด้วยนวัตกรรมดูแลผิวจากภายใน เพื่อผิวเรียบเนียนอ่อนเยาว์อย่างยั่งยืน

สวัสดีครับทุกคน! หมอโนโน่ นายแพทย์ ชนภัทร ชินเวชกิจวานิชย์ ว.60686 แพทย์เจ้าของคลินิกเวชกรรมความงาม Entrio Clinic ใจกลาง ราชประสงค์ ครับ!


ในฐานะแพทย์ที่คลุกคลีอยู่ในวงการความงามและเวชศาสตร์ชะลอวัยมาอย่างยาวนาน ผมได้พบปะและดูแลคนไข้จำนวนมากที่มีความกังวลใจเกี่ยวกับปัญหาผิวพรรณที่คอยบั่นทอนความมั่นใจอยู่เสมอครับ สองปัญหาใหญ่ที่ผมมักจะได้รับคำปรึกษาบ่อยครั้ง และเป็นเหมือน "โจทย์ใหญ่" ที่ท้าทายวงการความงามอยู่ตลอดเวลา นั่นก็คือ "หลุมสิว" และ "ริ้วรอย" ครับ!


หลายๆ ท่านอาจจะเคยลองผิดลองถูกมาหลายวิธี ลองใช้สกินแคร์มาหลายแบรนด์ หรือลองทำหัตถการมาหลายประเภท แต่ก็ยังไม่เห็นผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจเท่าที่ควรใช่ไหมครับ? นั่นเป็นเพราะว่าปัญหา "หลุมสิว" และ "ริ้วรอย" ไม่ใช่ปัญหาผิวเผินที่สามารถแก้ไขได้ด้วยวิธีการง่ายๆ ครับ พวกมันคือ "สัญญาณ" ที่บ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในชั้นผิวหนังลึกๆ ของเรา ซึ่งต้องการความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง และการรักษาที่ "ตรงจุด" และ "ครอบคลุม" ครับ


ผมจะมาไขความลับจากประสบการณ์ของผมเองครับ ว่าที่ Entrio Clinic คลินิกเสริมความงาม ราชประสงค์ เรามีแนวคิดและ "ทางออก" อะไรบ้าง ในการจัดการกับปัญหา "หลุมสิว" และ "ริ้วรอย" อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้คุณได้ผิวที่เรียบเนียน กระจ่างใส และอ่อนเยาว์ในแบบที่คุณปรารถนาอย่างแท้จริงครับ

ทำความเข้าใจ "หลุมสิว" และ "ริ้วรอย": ต้นตอของปัญหาที่เราต้องจัดการอย่างถึงแก่น

ตัวผมเองมักจะเริ่มต้นการรักษาด้วยการทำความเข้าใจ "ต้นตอ" ของปัญหาเหล่านั้นก่อนเสมอครับ เปรียบเสมือนการสืบสวนคดี ที่เราต้องค้นหา "สาเหตุ" และ "ผู้กระทำผิด" ที่แท้จริง เพื่อจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุดและยั่งยืนครับ


สองปัญหาหลักที่มักจะทำให้คนไข้หลายๆ ท่านกังวลใจและเข้ามาปรึกษาผมบ่อยครั้ง นั่นก็คือ "หลุมสิว" และ "ริ้วรอย" ครับ! แม้ว่าทั้งสองปัญหาจะปรากฏให้เห็นบนผิวหน้าเหมือนกัน แต่แท้จริงแล้วต้นกำเนิดและกลไกการเกิดนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ซึ่งนั่นหมายความว่า "วิธีการรักษา" ก็จะต้องแตกต่างกันด้วยเช่นกันครับ


ผมจะพาทุกท่านมา "เจาะลึก" และ "ทำความเข้าใจ" ถึงแก่นแท้ของปัญหาเหล่านี้ เพื่อให้คุณมีความรู้ติดตัว และสามารถตัดสินใจเลือกแนวทางการรักษาที่เหมาะสมกับตัวเองได้อย่างชาญฉลาดครับ

1. "หลุมสิว": แผลเป็นแห่งความทรงจำที่ไม่พึงประสงค์... เบื้องลึกของผิวที่ถูกทำลาย

"หลุมสิว": แผลเป็นแห่งความทรงจำที่ไม่พึงประสงค์... เบื้องลึกของผิวที่ถูกทำลาย
"หลุมสิว": แผลเป็นแห่งความทรงจำที่ไม่พึงประสงค์... เบื้องลึกของผิวที่ถูกทำลาย

ผมอยากให้ทุกคนเข้าใจตรงกันก่อนว่า หลุมสิวไม่ได้เป็นเพียงแค่ "รู" บนผิวครับ แต่แท้จริงแล้วมันคือ "แผลเป็น" (Scar) ชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นถาวรบนผิวหนังของเรา และเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าเนื้อเยื่อในชั้นผิวหนังแท้ของเราได้ถูกทำลายไปอย่างรุนแรงในอดีตครับ


กลไกการเกิดหลุมสิว: ลำดับเหตุการณ์โศกนาฏกรรมใต้ผิวหนัง

การก่อตัวของหลุมสิวนั้นเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและน่าสนใจในเชิงพยาธิสภาพของผิวหนังครับ มันมักจะเกิดขึ้นจากสิวอักเสบชนิดรุนแรง โดยเฉพาะสิวหัวช้าง (Nodules), สิวซีสต์ (Cysts) หรือสิวอักเสบขนาดใหญ่ที่กินบริเวณกว้างและลึก ซึ่งแตกต่างจากสิวอักเสบธรรมดาที่ไม่ทิ้งรอยแผลเป็นถาวรครับ


  1. การอักเสบอย่างรุนแรง (Severe and Deep Inflammation)

    • เมื่อเกิดสิวอักเสบอย่างรุนแรง เชื้อแบคทีเรีย Propionibacterium acnes (P.acnes) ที่อาศัยอยู่ในรูขุมขนจะเพิ่มจำนวนมากขึ้น และรวมตัวกับไขมันที่อุดตันและเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว ทำให้เกิดการอักเสบอย่างมาก

    • ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายจะตอบสนองโดยการส่งเซลล์เม็ดเลือดขาวและสารเคมีต่างๆ มากำจัดเชื้อโรคและซากเซลล์ที่เสียหาย กระบวนการนี้เองที่นำไปสู่การบวม แดง ร้อน และเจ็บปวดอย่างที่เราเห็นบนผิวหนังครับ

    • ในสิวอักเสบที่รุนแรง การอักเสบจะลุกลามจากรูขุมขนไปทำลายผนังรูขุมขน และขยายวงกว้างเข้าไปในชั้นหนังแท้ส่วนลึก และอาจลึกไปถึงชั้นใต้ผิวหนังได้


  2. การทำลายโครงสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน (Irreversible Collagen & Elastin Destruction)

    • ในระหว่างที่เกิดการอักเสบอย่างหนัก เซลล์เม็ดเลือดขาวและเซลล์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบจะหลั่งเอนไซม์หลายชนิดออกมา โดยเฉพาะกลุ่ม Matrix Metalloproteinases (MMPs) เอนไซม์เหล่านี้มีหน้าที่ตามธรรมชาติในการย่อยสลายเนื้อเยื่อเก่าเพื่อเปิดทางให้เนื้อเยื่อใหม่สร้างขึ้น

    • แต่ในกรณีของสิวอักเสบรุนแรง เอนไซม์ MMPs ถูกกระตุ้นให้ทำงานมากเกินไปและยาวนานกว่าปกติ ทำให้พวกมันเข้าโจมตีและ "ทำลาย" เส้นใยคอลลาเจนและอีลาสติน ซึ่งเป็นโครงสร้างหลักที่คอยพยุงผิวให้เรียบตึง มีความแข็งแรง และความยืดหยุ่น อย่างถาวรและรุนแรง

    • การทำลายนี้ไม่ใช่แค่การ "ย่อย" เนื้อเยื่อเก่า แต่เป็นการ "ฉีกขาด" และ "สูญเสีย" เนื้อเยื่อคอลลาเจนไปเป็นจำนวนมาก ทำให้โครงสร้างใต้ผิวหนังเกิดช่องว่างและเสียหายอย่างไม่มีวันกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ด้วยตัวเอง

  3. กระบวนการสมานแผลที่ไม่สมบูรณ์ (Incomplete or Abnormal Wound Healing)

    • เมื่อการอักเสบของสิวสงบลง ร่างกายจะพยายามซ่อมแซมส่วนที่เสียหายที่เกิดขึ้นครับ ซึ่งเป็นกระบวนการธรรมชาติของการสมานแผล (Wound Healing)

    • อย่างไรก็ตาม ในกรณีของหลุมสิว การซ่อมแซมนี้มักจะ "ไม่สมบูรณ์" หรือ "ผิดปกติ" ครับ:

      • การสร้างคอลลาเจนไม่เพียงพอ: บางครั้งร่างกายไม่สามารถสร้างคอลลาเจนใหม่มาทดแทนส่วนที่ถูกทำลายไปได้ทั้งหมด ทำให้เกิด "ช่องว่าง" หรือ "การยุบตัว" ของเนื้อเยื่อ

      • การจัดเรียงตัวของคอลลาเจนใหม่ที่ผิดปกติ: คอลลาเจนที่สร้างขึ้นใหม่ (โดยเฉพาะคอลลาเจน Type III ซึ่งเป็นคอลลาเจนที่พบมากในกระบวนการสมานแผลระยะแรก) อาจมีการจัดเรียงตัวที่ไม่เป็นระเบียบ หรือมีการก่อตัวของ "พังผืด" (Fibrous Tissue) ใต้ผิวหนัง

      • การดึงรั้งของพังผืด (Fibrous Tethering): ในหลุมสิวบางประเภท โดยเฉพาะ Rolling Scars พังผืดที่เกิดขึ้นจากการสมานแผลจะทำหน้าที่ "ดึงรั้ง" ชั้นหนังแท้ให้ติดกับชั้นไขมันหรือเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นถูกดึงรั้งให้บุ๋มลงไป เกิดเป็นรอยบุ๋มลึก คล้ายลูกคลื่นขึ้นบนผิวครับ

การทำความเข้าใจกระบวนการที่ซับซ้อนนี้ ทำให้เราตระหนักว่าหลุมสิวไม่ใช่แค่ปัญหาผิวชั้นนอกที่สามารถแก้ไขได้ด้วยการบำรุงผิวเพียงอย่างเดียวครับ แต่เป็นการเสียหายในระดับ "โครงสร้าง" ที่ต้องการการแทรกแซงจากภายนอกเพื่อกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อใหม่และจัดระเบียบโครงสร้างที่เสียหายไปครับ

ประเภทของหลุมสิว: ทำไมการจำแนกชนิดจึงสำคัญต่อการรักษา!

ในฐานะแพทย์ ผมให้ความสำคัญกับการ "วินิจฉัย" ประเภทของหลุมสิวเป็นอย่างมากครับ เพราะหลุมสิวแต่ละชนิดมี "ลักษณะทางกายภาพ" และ "โครงสร้าง" ใต้ผิวหนังที่แตกต่างกัน ซึ่งนำไปสู่การเลือกใช้วิธีการรักษาที่ "ตรงจุด" และ "มีประสิทธิภาพ" ที่สุดครับ การรักษาที่ผิดประเภท ไม่เพียงแต่จะไม่ได้ผล แต่ยังอาจทำให้เสียเวลาและค่าใช้จ่ายโดยไม่จำเป็นครับ

  • Ice Pick Scars (หลุมสิวแบบจิก หรือหลุมจิก)

Ice Pick Scars (หลุมสิวแบบจิก หรือหลุมจิก)
Ice Pick Scars (หลุมสิวแบบจิก หรือหลุมจิก)

ลองจินตนาการถึงรูที่เกิดจากการตอกตะปูขนาดเล็กๆ ลงไปในไม้ลึกๆ นั่นแหละครับ คือ Ice Pick Scar มีรูเล็กแต่ลึกมาก และขอบรูที่แข็งแรง

  • ลักษณะ: เป็นหลุมสิวที่มีขนาดเล็กมากๆ (น้อยกว่า 2 มิลลิเมตร) ปากหลุมแคบและคมชัด แต่มีความลึกมาก คล้ายรอยถูกเจาะหรือกรีดด้วยเหล็กแหลมลงไปในผิวหนัง ก้นหลุมจะเรียวแหลมคล้ายรูปตัว "V" หรือรูปกรวยแคบๆ ลึกๆ ครับ

  • ความลึก: เข้าไปถึงชั้นหนังแท้ส่วนลึก และอาจลึกถึงชั้นใต้ผิวหนังได้

  • พบบ่อย: มักพบบริเวณแก้มและหน้าผาก ซึ่งเป็นบริเวณที่มีความมันและรูขุมขนค่อนข้างเล็ก

  • ปัญหาและความท้าทายในการรักษา: เนื่องจากปากหลุมแคบและลึกมาก ทำให้การรักษาด้วยการกระตุ้นคอลลาเจนจากด้านบนผิว (เช่น เลเซอร์ทั่วไป หรือ Derma Roller) ทำได้ยาก เพราะพลังงานเข้าไม่ถึงก้นหลุม และเนื้อเยื่อรอบๆ หลุมยังคงสภาพเดิมอยู่ การรักษาหลุมสิวชนิดนี้มักต้องการวิธีการที่เน้นการทำลายผนังหลุมหรือกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อจากก้นหลุมขึ้นมาโดยตรง เช่น TCA Cross, การตัดหลุมสิว (Punch Excision) หรือการใช้ Morpheus8 ที่สามารถส่งพลังงานลงลึกและทำลายผนังหลุมได้


  • Boxcar Scars (หลุมสิวแบบบ่อ หรือหลุมบ่อ)

Ice Pick Scars (หลุมสิวแบบจิก หรือหลุมจิก)
Ice Pick Scars (หลุมสิวแบบจิก หรือหลุมจิก)

เหมือนบ่อน้ำที่มีขอบกำแพงชัดเจน และมีพื้นก้นบ่อที่แบน การเติมน้ำให้เต็มบ่อคือแนวทางหลัก

  • ลักษณะ: เป็นหลุมสิวรูปทรงกลมหรือวงรี มีขนาดตั้งแต่ 2-4 มิลลิเมตรขึ้นไป มีขอบหลุมที่ชัดเจนและตั้งฉากกับผิวหนัง คล้ายบ่อ หรือรอยแผลเป็นจากโรคอีสุกอีใส ก้นหลุมจะแบนราบ (Flat Base) และสามารถเห็นความแตกต่างของความลึกได้อย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับผิวปกติ

  • ความลึก: มีความลึกได้หลากหลาย ตั้งแต่ตื้นไปจนถึงลึกมาก

  • พบบ่อย: มักพบบริเวณแก้มและขมับ

  • ปัญหาและความท้าทายในการรักษา: ขอบที่ชัดเจนและการยุบตัวของเนื้อเยื่อ ต้องการการกระตุ้นคอลลาเจนเพื่อเติมเต็มก้นหลุมและยกผนังหลุมให้สูงขึ้น เพื่อให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น หลุมสิวชนิดนี้มักตอบสนองได้ดีกับการกระตุ้นคอลลาเจนด้วยเครื่องมือพลังงาน (เช่น Morpheus8, Fractional Laser) หรือ Biostimulator (เช่น Juvelook) ซึ่งช่วยเติมเต็มเนื้อเยื่อจากด้านล่าง


  • Rolling Scars (หลุมสิวแบบคลื่น หรือหลุมคลื่น)

Rolling Scars (หลุมสิวแบบคลื่น หรือหลุมคลื่น)
Rolling Scars (หลุมสิวแบบคลื่น หรือหลุมคลื่น)

เหมือนผืนผ้าปูโต๊ะที่ถูกตะขอจากด้านล่างดึงรั้งเอาไว้ ทำให้เกิดเป็นรอยย่นคล้ายคลื่นบนพื้นผิว การจะทำให้ผ้าเรียบได้ ต้องปลดตะขอเหล่านั้นออกก่อน

  • ลักษณะ: เป็นหลุมสิวที่มีลักษณะเป็นรอยบุ๋มตื้นๆ กว้างๆ ขนาดมากกว่า 4 มิลลิเมตรขึ้นไป ไม่มีขอบที่ชัดเจน แต่จะเห็นเป็นการยุบตัวของเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังเป็นวงกว้าง ทำให้ผิวดูไม่เรียบสม่ำเสมอ คล้ายลูกคลื่น หรือพื้นผิวที่เป็นลอนคลื่น

  • ความลึก: มักไม่ลึกมากเมื่อเทียบกับ Ice Pick แต่กินบริเวณกว้าง และการบุ๋มลงไปนั้นเกิดจากพังผืดที่ดึงรั้ง

  • ต้นเหตุหลัก: เกิดจากการที่ พังผืด (Fibrous Bands) ที่เกิดขึ้นจากการสมานแผลที่ผิดปกติในชั้นหนังแท้ส่วนลึก ไป "ดึงรั้ง" ชั้นหนังแท้ให้ติดกับชั้นไขมันใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวบริเวณนั้นถูกดึงรั้งให้บุ๋มลงไป เกิดเป็นรอยบุ๋มที่ดูเป็นคลื่นบนผิว

  • พบบ่อย: มักพบบริเวณแก้มและขมับ ซึ่งเป็นบริเวณที่มีความยืดหยุ่นของผิวหนังสูง

  • ปัญหาและความท้าทายในการรักษา: การรักษาหลุมสิวชนิดนี้ สิ่งสำคัญอันดับแรกคือการ "ทำลาย" หรือ "ตัด" พังผืดที่ดึงรั้งออกไปก่อน เพื่อให้ผิวบริเวณนั้นสามารถยกตัวขึ้นมาได้ และตามด้วยการกระตุ้นคอลลาเจนเพื่อเติมเต็มและจัดเรียงโครงสร้างผิวให้เรียบเนียน การทำ Subcision (การเซาะพังผืด) จึงมักเป็นขั้นตอนสำคัญในการรักษา Rolling Scars ควบคู่ไปกับการใช้ Morpheus8 หรือ Biostimulator


การวินิจฉัยประเภทของหลุมสิวอย่างแม่นยำจึงเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญอย่างยิ่งในการวางแผนการรักษาที่ Entrio Clinic คลินิกเสริมความงาม ราชประสงค์ ครับ เพราะวิธีการ "Remodel ผิว" จะแตกต่างกันไปตามลักษณะของหลุมสิวแต่ละประเภทครับ การทำความเข้าใจ "ต้นตอ" ของปัญหาหลุมสิวอย่างลึกซึ้งนี้เอง ที่ทำให้เราสามารถออกแบบการรักษาที่ "ตรงจุด" และ "เห็นผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ" ให้กับคนไข้ได้อย่างแท้จริงครับ

2. "ริ้วรอย": เส้นทางแห่งกาลเวลาและพฤติกรรม... การเปลี่ยนแปลงในทุกชั้นผิว

"ริ้วรอย": เส้นทางแห่งกาลเวลาและพฤติกรรม... การเปลี่ยนแปลงในทุกชั้นผิว
"ริ้วรอย": เส้นทางแห่งกาลเวลาและพฤติกรรม... การเปลี่ยนแปลงในทุกชั้นผิว

ผมมักจะย้ำเสมอว่า การจะแก้ไขปัญหาผิวพรรณได้อย่างมีประสิทธิภาพนั้น เราต้องเข้าใจ "ต้นตอ" ของปัญหาเหล่านั้นอย่างถ่องแท้ครับ การที่เราเห็นแค่ "อาการ" บนผิวหน้า แต่ไม่รู้ว่าอะไรคือสาเหตุที่แท้จริงที่อยู่เบื้องหลัง ก็เหมือนกับการพยายามซ่อมบ้านโดยไม่รู้ว่าโครงสร้างส่วนไหนที่เสียหายไปครับ


ผมจะพาทุกท่านมาเจาะลึกถึงปัญหาผิวอันดับต้นๆ ที่สร้างความกังวลใจให้กับคนไข้จำนวนมาก นั่นคือ "ริ้วรอย" ครับ! แม้ว่าเราจะเห็นริ้วรอยเป็นเพียงเส้นบางๆ บนผิว แต่แท้จริงแล้ว ริ้วรอยนั้นเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในทุกชั้นของผิวหนัง ตั้งแต่ชั้นบนสุดไปจนถึงโครงสร้างกระดูกใต้ผิวหนัง ซึ่งเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและเกิดจากหลายปัจจัยครับ


ริ้วรอยไม่ได้เป็นแค่เส้นบางๆ บนผิวที่เราเห็นด้วยตาเปล่าครับ แต่เป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในทุกชั้นของผิวหนัง ตั้งแต่ชั้นบนสุด (Epidermis) ลงไปถึงชั้นหนังแท้ (Dermis) ชั้นใต้ผิวหนัง (Subcutis หรือไขมัน) และแม้กระทั่งการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างกระดูกใบหน้าครับ การทำความเข้าใจมิติที่ซับซ้อนนี้ คือกุญแจสำคัญในการจัดการกับริ้วรอยได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน


กลไกการเกิดริ้วรอยอย่างละเอียด (Multi-factorial Aging)

การเกิดริ้วรอยเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและเป็นผลรวมจากหลายปัจจัยครับ เราสามารถแบ่งปัจจัยเหล่านี้ออกได้เป็น 2 กลุ่มหลักๆ คือ:

  1. ปัจจัยภายใน (Intrinsic Aging / Chronological Aging): เป็นการแก่ตามธรรมชาติที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมและชีวภาพภายในร่างกาย ซึ่งเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่สามารถชะลอได้

  2. ปัจจัยภายนอก (Extrinsic Aging): เป็นการแก่ที่เกิดจากผลกระทบของสิ่งแวดล้อมและพฤติกรรมการใช้ชีวิต ซึ่งเราสามารถควบคุมและป้องกันได้


มาเจาะลึกแต่ละปัจจัยกันครับ

  1. การลดลงและการเสื่อมสภาพของคอลลาเจนและอีลาสติน (Collagen & Elastin Degradation and Reduction)

    การลดลงและการเสื่อมสภาพของคอลลาเจนและอีลาสติน (Collagen & Elastin Degradation and Reduction)
    การลดลงและการเสื่อมสภาพของคอลลาเจนและอีลาสติน (Collagen & Elastin Degradation and Reduction)
    • คอลลาเจน (Collagen): เปรียบเสมือน "เสาหลัก" "โครงสร้าง" และ "ฐานราก" ที่สำคัญที่สุดของผิวหนังครับ คอลลาเจนเป็นโปรตีนที่มีลักษณะเป็นเส้นใย ให้ความแข็งแรง ความแน่นกระชับ และโครงสร้างที่มั่นคงแก่ผิวของเราครับ คอลลาเจนที่พบมากที่สุดในผิวหนังคือ คอลลาเจน Type I ซึ่งเป็นชนิดที่ให้ความแข็งแรงและความหนาแน่น และ คอลลาเจน Type III ซึ่งให้ความยืดหยุ่นและพบมากในผิวเด็ก

    • อีลาสติน (Elastin): เปรียบเสมือน "สปริง" หรือ "ยางยืด" ที่ให้ความยืดหยุ่นและความสามารถในการกลับคืนรูปของผิวหนัง เมื่อผิวถูกยืดหรือกดทับ อีลาสตินจะช่วยให้ผิวกระเด้งกลับคืนสู่สภาพเดิมได้

    • กระบวนการเสื่อมสภาพตามวัย:

      • การผลิตลดลง: โดยธรรมชาติแล้ว หลังจากอายุประมาณ 20-25 ปีขึ้นไป ร่างกายของเราจะเริ่มสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินได้น้อยลง ประมาณ 1% ต่อปี หรืออาจจะมากกว่านั้นครับ ซึ่งหมายความว่าในทุกๆ ปี ผิวของเราจะค่อยๆ สูญเสียสารสำคัญที่ทำให้ผิวอ่อนเยาว์ไป

      • การสลายตัวเพิ่มขึ้น: ในขณะเดียวกัน อัตราการสลายตัวของคอลลาเจนและอีลาสตินที่มีอยู่เดิมก็เพิ่มขึ้นครับ โดยมีเอนไซม์บางชนิดที่ทำหน้าที่ย่อยสลายโครงสร้างเหล่านี้

    • ผลลัพธ์: เมื่อคอลลาเจนและอีลาสตินลดลงและเสื่อมสภาพลง ผิวของเราจะเริ่มสูญเสียความแข็งแรง ความหนาแน่น และความยืดหยุ่น ทำให้ผิวบางลง ไม่กระชับ และเมื่อผิวถูกพับหรือย่นซ้ำๆ ก็จะเกิด "รอยพับ" ที่ไม่สามารถคลายตัวกลับไปได้ทั้งหมด กลายเป็น "ริ้วรอย" ที่ปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจนครับ


  2. การสลายตัวของไขมันและกระดูกใต้ผิวหนัง (Volume Loss & Bone Resorption)

    การสลายตัวของไขมันและกระดูกใต้ผิวหนัง (Volume Loss & Bone Resorption)
    การสลายตัวของไขมันและกระดูกใต้ผิวหนัง (Volume Loss & Bone Resorption)
    • ชั้นไขมัน (Subcutaneous Fat Atrophy and Redistribution): ชั้นไขมันใต้ผิวหนังทำหน้าที่เป็น "เบาะรองรับ" และให้ "Volume" แก่ใบหน้า ทำให้ใบหน้าดูอิ่มเอิบและอ่อนเยาว์ เมื่ออายุมากขึ้น ไขมันใต้ผิวหนังไม่ได้ลดลงอย่างสม่ำเสมอในทุกบริเวณครับ แต่จะมีการฝ่อตัว (Atrophy) และมีการเคลื่อนที่ (Redistribution) ไปในทิศทางที่ลดลงตามแรงโน้มถ่วง

      • การฝ่อตัว: ไขมันบางส่วนจะลดลงอย่างเห็นได้ชัดในบางบริเวณ เช่น บริเวณขมับ, ใต้ตา, แก้ม, หรือบริเวณรอบปาก ทำให้ใบหน้าดูตอบ โทรม และมีร่องลึกชัดเจนขึ้น

      • การเคลื่อนที่: ไขมันที่เคยอยู่สูง อาจเคลื่อนตัวลงมาด้านล่าง ทำให้เกิดการกองรวมกันที่บริเวณส่วนล่างของใบหน้า เช่น แก้มห้อย, ร่องแก้มลึกขึ้น, เกิดร่องน้ำหมาก, และเกิดเหนียง

    • ชั้นกระดูก (Bone Resorption): นี่คือสิ่งที่หลายคนอาจจะยังไม่ทราบครับว่าโครงสร้างกระดูกใบหน้าของเราก็มีการเปลี่ยนแปลงและฝ่อตัวไปตามวัยเช่นกันครับ กระดูกจะมีการยุบตัวและสลายไป (Resorption) ในบางบริเวณ เช่น:

      • รอบดวงตา: กระดูกรอบเบ้าตาจะกว้างขึ้นและลึกขึ้น ทำให้ดวงตาดูโหลลึก และเกิดร่องใต้ตาที่ชัดเจน

      • ขากรรไกร: กระดูกกรามและคางมีการยุบตัว ทำให้กรอบหน้าไม่คมชัด และคางดูสั้นลง

      • โหนกแก้ม: กระดูกโหนกแก้มมีการยุบตัว ทำให้ใบหน้าส่วนกลางดูแบนลง และแก้มหย่อนคล้อย

    • ผลลัพธ์: การสูญเสีย Volume ทั้งจากชั้นไขมันและกระดูกเหล่านี้ ทำให้ใบหน้าโดยรวมดูทรุดโทรม ใบหน้าดูตอบลง เหนื่อยล้า แก่กว่าวัย และที่สำคัญคือเป็นการ "เน้น" ให้ริ้วรอยต่างๆ ที่มีอยู่แล้วดูชัดเจนและลึกยิ่งขึ้นครับ


  3. แสงแดดและมลภาวะ (Photoaging & Environmental Damage)

    แสงแดดและมลภาวะ (Photoaging & Environmental Damage)
    แสงแดดและมลภาวะ (Photoaging & Environmental Damage)
    • รังสียูวี (UV Radiation) จากแสงแดด: แสงแดดคือ "ศัตรูตัวฉกาจ" อันดับหนึ่งของผิวและเป็นตัวการสำคัญที่สุดที่เร่งให้เกิดริ้วรอยครับ รังสียูวี (โดยเฉพาะ UVA และ UVB) จะเข้าไปทำลาย DNA ในเซลล์ผิว และกระตุ้นให้เกิดการสร้างอนุมูลอิสระ (Free Radicals) จำนวนมหาศาล อนุมูลอิสระเหล่านี้จะเข้าโจมตีและทำลายเส้นใยคอลลาเจนและอีลาสตินอย่างรุนแรงและถาวรครับ

      • ผลลัพธ์จากรังสียูวี: นำไปสู่ภาวะที่เรียกว่า "Elastosis" ซึ่งคือการที่เส้นใยอีลาสตินมีการจัดเรียงตัวที่ผิดปกติ หนาตัวขึ้น และเสื่อมสภาพ ทำให้ผิวหยาบกร้าน ขาดความยืดหยุ่น มีสีเหลืองคล้ำ และเกิดริ้วรอยลึกที่ฝังแน่น (Solar Elastosis) นอกจากนี้ยังทำให้เกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งผิวหนังด้วยครับ

    • มลภาวะ (Pollution): อนุภาคขนาดเล็กในมลภาวะ โดยเฉพาะ PM 2.5 สามารถทะลุเข้าสู่ผิวหนังได้ง่าย สร้างอนุมูลอิสระ กระตุ้นการอักเสบ และรบกวนการทำงานของเกราะป้องกันผิว ซึ่งทั้งหมดนี้เร่งให้เกิดการสลายตัวของคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้เกิดริ้วรอยและผิวแก่ก่อนวัยครับ

    • ผลลัพธ์รวม: การสัมผัสกับแสงแดดและมลภาวะอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีการป้องกัน ทำให้ผิวแก่เร็วกว่าอายุจริง ผิวจะดูหมองคล้ำ หยาบกร้าน และมีริ้วรอยที่ชัดเจนขึ้นอย่างรวดเร็ว


  4. การแสดงสีหน้าซ้ำๆ (Repetitive Facial Expressions)

    การแสดงสีหน้าซ้ำๆ (Repetitive Facial Expressions)
    การแสดงสีหน้าซ้ำๆ (Repetitive Facial Expressions)
    • ริ้วรอยจากการแสดงสีหน้า (Dynamic Wrinkles): ริ้วรอยประเภทนี้เกิดขึ้นเมื่อเราใช้กล้ามเนื้อใบหน้าในการแสดงอารมณ์ต่างๆ เช่น การยิ้ม (เกิดรอยตีนกา), การขมวดคิ้ว (เกิดร่องคิ้ว หรือร่อง 11), การเลิกคิ้ว (เกิดริ้วรอยหน้าผาก), การหรี่ตา (เกิดริ้วรอยรอบดวงตา) ริ้วรอยเหล่านี้จะปรากฏขึ้นเมื่อกล้ามเนื้อทำงานและหายไปเมื่อกล้ามเนื้อคลายตัวในขณะที่เรายังอายุน้อยและผิวยังมีความยืดหยุ่นดีอยู่

    • ริ้วรอยแบบคงที่ (Static Wrinkles): นี่คือปัญหาที่แท้จริงครับ! เมื่อเราอายุมากขึ้น และผิวสูญเสียคอลลาเจนและอีลาสตินไปอย่างต่อเนื่อง (ตามปัจจัยข้อ 1) ริ้วรอยจากการแสดงสีหน้าเหล่านี้ที่เคยหายไปเมื่อกล้ามเนื้อคลายตัว จะเริ่ม "ฝังลึก" และ "ปรากฏให้เห็นตลอดเวลา" แม้ในขณะที่เราไม่ได้แสดงสีหน้าก็ตามครับ

    • ผลลัพธ์: การที่ Dynamic Wrinkles พัฒนาไปสู่ Static Wrinkles เป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงการเสื่อมสภาพของผิวหนังอย่างถาวรที่ต้องการการแทรกแซง


  5. ปัจจัยด้านไลฟ์สไตล์และพันธุกรรม (Lifestyle Factors & Genetics)

    ปัจจัยด้านไลฟ์สไตล์และพันธุกรรม (Lifestyle Factors & Genetics)
    ปัจจัยด้านไลฟ์สไตล์และพันธุกรรม (Lifestyle Factors & Genetics)
    • การสูบบุหรี่: เป็นตัวการสำคัญที่ทำลายคอลลาเจนและอีลาสตินอย่างรุนแรง ทำให้ผิวดูหมองคล้ำ มีริ้วรอยลึก และดูแก่กว่าวัยอย่างเห็นได้ชัด

    • โภชนาการที่ไม่เหมาะสม: การขาดสารอาหารที่จำเป็นต่อการสร้างคอลลาเจน (เช่น วิตามิน C, โปรตีน) หรือการบริโภคน้ำตาลมากเกินไป (กระบวนการ Glycation ซึ่งเป็นปฏิกิริยาที่น้ำตาลจับกับโปรตีนในร่างกาย ทำให้คอลลาเจนและอีลาสตินแข็งกระด้างและทำงานได้ไม่ดี) ก็เร่งให้เกิดริ้วรอย

    • การนอนหลับไม่เพียงพอ, ความเครียดเรื้อรัง, การดื่มน้ำไม่เพียงพอ: สิ่งเหล่านี้ล้วนส่งผลกระทบต่อกระบวนการซ่อมแซมและการฟื้นฟูของเซลล์ผิว ทำให้ผิวดูโทรม เหนื่อยล้า และเกิดริ้วรอยได้ง่ายขึ้น

    • พันธุกรรม (Genetics): บางคนอาจมีพันธุกรรมที่ทำให้ผิวแก่เร็วหรือช้ากว่าคนอื่น เช่น มีการผลิตคอลลาเจนน้อยกว่า หรือมีเอนไซม์ที่ทำลายคอลลาเจนมากกว่า ซึ่งเป็นปัจจัยที่เราควบคุมไม่ได้ แต่ก็สามารถชะลอการเปลี่ยนแปลงได้ด้วยการดูแลที่ถูกต้อง


ผมหวังว่าข้อมูลที่ละเอียดและลึกซึ้งเกี่ยวกับ "ริ้วรอย" นี้ จะช่วยให้ทุกท่านมีความเข้าใจที่มากขึ้นนะครับว่า ริ้วรอยไม่ได้เป็นแค่เส้นบนผิว แต่เป็นผลลัพธ์จากการเปลี่ยนแปลงที่ซับซ้อนในทุกชั้นโครงสร้างของผิวหนัง การเข้าใจต้นตอของริ้วรอยแต่ละประเภท จะเป็นกุญแจสำคัญในการเลือกวิธีการรักษาที่ "ตรงจุด" และ "ผสมผสาน" เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เรียบเนียน อ่อนเยาว์ และเป็นธรรมชาติที่สุดครับ

จากประสบการณ์หมอโนโน่: "ทางออก" สำหรับ "หลุมสิว" และ "ริ้วรอย" ที่ Entrio Clinic ราชประสงค์... เน้นการ "Remodel ผิว" อย่างชาญฉลาด!

หลังจากที่เราได้เจาะลึกไปถึง "ต้นตอ" และ "กลไก" การเกิดปัญหา "หลุมสิว" และ "ริ้วรอย" อย่างละเอียดแล้วนะครับ ผมหวังว่าทุกท่านคงจะเห็นภาพที่ชัดเจนขึ้น ว่าปัญหาผิวเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่เรื่องผิวเผิน แต่เป็นผลลัพธ์ของการเปลี่ยนแปลงที่ซับซ้อนในทุกชั้นของผิวหนังและโครงสร้างใบหน้าครับ


เราจะก้าวเข้าสู่หัวใจสำคัญของบทความนี้ครับ นั่นคือ "ทางออก" ที่ Entrio Clinic คลินิกเสริมความงาม ราชประสงค์ เรามีให้สำหรับปัญหาเหล่านี้ครับ จากประสบการณ์ของผม ผมเชื่อมั่นว่าการรักษา "หลุมสิว" และ "ริ้วรอย" ให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจและยั่งยืนนั้น ไม่สามารถทำได้ด้วยวิธีการเดียวครับ แต่ต้องใช้แนวคิดที่เรียกว่า "การรักษาแบบผสมผสาน" (Combination Therapy) และหัวใจสำคัญของแนวคิดนี้คือการ "Remodel ผิว" (Skin Remodeling) อย่างชาญฉลาด!


การ "Remodel ผิว" คือการเข้าไปปรับโครงสร้างผิวที่เสียหาย ให้กลับมาแข็งแรง มีระเบียบ และทำงานได้ดีขึ้นอีกครั้ง เปรียบเสมือนการบูรณะอาคารเก่าที่ทรุดโทรม ให้กลับมาสวยงาม แข็งแรง และใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพยิ่งกว่าเดิมครับ


มาดูกันครับว่าที่ Entrio Clinic ราชประสงค์ เรามี "อาวุธ" อะไรบ้าง และเราใช้มันอย่างไรในการจัดการกับปัญหา "หลุมสิว" และ "ริ้วรอย" ให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดครับ

จากประสบการณ์หมอโนโน่: "ทางออก" สำหรับ "หลุมสิว"... เน้นการกระตุ้นสร้างเนื้อเยื่อใหม่และจัดระเบียบโครงสร้างคอลลาเจนอย่างชาญฉลาด!

การรักษา "หลุมสิว" ถือเป็นหนึ่งในความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในวงการผิวหนังครับ เพราะเรากำลังแก้ไข "แผลเป็น" ที่เกิดขึ้นแล้ว ซึ่งหมายถึงการที่เนื้อเยื่อส่วนหนึ่งได้หายไป หรือมีการจัดเรียงตัวของคอลลาเจนที่ผิดปกติไปอย่างถาวร ดังนั้น เป้าหมายหลักของเราคือการ กระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนและเนื้อเยื่อใหม่ที่เพียงพอ และที่สำคัญคือ การจัดเรียงคอลลาเจนเหล่านั้นให้เป็นระเบียบ เพื่อให้ "หลุม" ตื้นขึ้นและผิวดูเรียบเนียนขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติที่สุดครับ


ที่ Entrio Clinic เรามีแนวทางการรักษาที่หลากหลายและผสมผสานกันอย่างมีกลยุทธ์ตามชนิดของหลุมสิวและความรุนแรงของปัญหาครับ

Morpheus8 (มอร์เฟียส 8): หัวใจสำคัญของการ "Remodel ผิว" และจัดการหลุมสิวอย่างลึกซึ้ง!

Morpheus8 (มอร์เฟียส 8): หัวใจสำคัญของการ "Remodel ผิว" และจัดการหลุมสิวอย่างลึกซึ้ง!
Morpheus8 (มอร์เฟียส 8): หัวใจสำคัญของการ "Remodel ผิว" และจัดการหลุมสิวอย่างลึกซึ้ง!

ถ้าให้ผมเลือกนวัตกรรมที่สามารถ "Remodel ผิว" และจัดการกับปัญหาหลุมสิวได้อย่างครอบคลุมและลึกซึ้งที่สุดในปัจจุบัน ผมคงต้องยกให้ Morpheus8 เป็นหนึ่งในตัวเลือกอันดับต้นๆ ครับ!


  • กลไกการทำงานอันชาญฉลาด: Fractional RF Microneedling พร้อมพลังงานจัดเรียงโครงสร้าง!

    • Microneedling Component (พลังงานจากเข็มจิ๋ว): Morpheus8 ใช้หัวเข็มทองคำขนาดเล็กจิ๋วจำนวนมาก (Micro-pins) ที่ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษ หัวเข็มเหล่านี้สามารถปรับความลึกในการแทงลงสู่ผิวได้หลากหลายระดับ (ตั้งแต่ 0.5 มม. สำหรับผิวตื้น ไปจนถึง 8 มม. สำหรับปัญหาผิวที่ลึก หรือไขมันใต้ผิวหนัง) การที่เข็มแทงลงไปในผิวจะสร้าง "Micro-injuries" หรือบาดแผลขนาดเล็กจิ๋วจำนวนนับไม่ถ้วนบนผิวหนัง ซึ่งเป็นกระบวนการที่ "กระตุ้น" ให้ร่างกายเกิด "กระบวนการซ่อมแซมและสร้างใหม่" ตามธรรมชาติอย่างรุนแรง

    • Radiofrequency (RF) Component (พลังงานคลื่นวิทยุความร้อน): นี่คือจุดที่ทำให้ Morpheus8 แตกต่างและทรงพลังครับ! หลังจากเข็มแทงลงไปในผิวแล้ว พลังงานคลื่นวิทยุ (RF) จะถูกปล่อยออกมาจาก "ปลายเข็ม" โดยตรงครับ! ไม่ใช่จากผิวภายนอก (ซึ่งจะทำให้พลังงานกระจายตัวและไปทำร้ายผิวชั้นบนได้) การส่งพลังงานตรงจุดนี้เอง ทำให้ความร้อนถูกส่งตรงไปยัง "เป้าหมาย" คือชั้นหนังแท้บริเวณรอบๆ หลุมสิวอย่างแม่นยำ โดยที่ผิวชั้นบนสุด (Epidermis) ได้รับความร้อนน้อยที่สุด ทำให้ปลอดภัยและลดโอกาสเกิดผลข้างเคียงบนผิวชั้นบน

    • การ "Remodel" โครงสร้างผิวอย่างลึกซึ้ง:

      • กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่มหาศาล: ความร้อนจากพลังงาน RF ที่ส่งตรงไปยังชั้นหนังแท้ จะไปกระตุ้นเซลล์ไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) ซึ่งเป็นโรงงานผลิตคอลลาเจนและอีลาสติน ให้เกิดการหดตัวและที่สำคัญคือ "กระตุ้นให้สร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่" ในปริมาณที่มหาศาลและมีคุณภาพสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

      • จัดเรียงโครงสร้างคอลลาเจน: ไม่ใช่แค่การสร้างใหม่ครับ แต่พลังงาน RF ยังช่วย "จัดระเบียบ" และ "กระตุ้นการหดตัว" ของเส้นใยคอลลาเจนที่มีอยู่เดิมให้กลับมาเรียงตัวอย่างมีระเบียบมากขึ้น ทำให้โครงสร้างผิวที่เคยเสียหายกลับมาแข็งแรงและแน่นกระชับขึ้น

      • สลายพังผืดใต้หลุมสิว (Subcision Effect): ในกรณีของหลุมสิวบางประเภท โดยเฉพาะ Rolling Scars ที่เกิดจากพังผืดดึงรั้งผิว พลังงาน RF และการแทงของเข็มสามารถช่วย "ทำลาย" หรือ "ตัด" พังผืด ที่ดึงรั้งผิวอยู่ใต้หลุมสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ผิวที่ถูกดึงรั้งสามารถยกตัวขึ้นมาได้ และเปิดทางให้เนื้อเยื่อใหม่เข้ามาเติมเต็ม


  • ทำไม Morpheus8 จึงโดดเด่นสำหรับหลุมสิว?

    • จัดการได้หลายประเภทหลุมสิว: ด้วยความสามารถในการปรับความลึกของเข็มและพลังงานได้อย่างยืดหยุ่น Morpheus8 สามารถแก้ไขหลุมสิวได้เกือบทุกประเภท ตั้งแต่หลุมสิวตื้นๆ (Boxcar ตื้น) ไปจนถึงหลุมสิวชนิด Boxcar และ Rolling Scars ที่ต้องการการทำลายพังผืดใต้ผิวอย่างลึกซึ้ง รวมถึง Ice Pick Scars ที่ต้องการการกระตุ้นจากก้นหลุม

    • ผลลัพธ์ที่ครอบคลุม: ไม่เพียงแค่ทำให้หลุมสิวตื้นขึ้น แต่ยังช่วยปรับปรุงคุณภาพผิวโดยรวมให้ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดครับ เช่น รูขุมขนที่กว้างก็จะกระชับลง ผิวหน้าจะดูเรียบเนียนละเอียดขึ้น และริ้วรอยเล็กๆ ก็จะดูจางลงไปด้วย


สำหรับผม Morpheus8 เปรียบเสมือน 'วิศวกรโครงสร้าง' ที่ชาญฉลาดครับ เขาเข้าไป 'รื้อถอน' พังผืดที่คอยดึงรั้งหลุมสิวลงไป และพร้อมๆ กันนั้นก็ 'เสริมโครงสร้าง' คอลลาเจนใหม่ในชั้นผิวที่เสียหายอย่างแข็งแรง ทำให้ 'หลุม' ที่เคยเป็นหลุมบ่อ ค่อยๆ ตื้นขึ้น และพื้นผิวถนนของใบหน้ากลับมาเรียบเนียนอีกครั้งอย่างมีคุณภาพ"

Biostimulator (สารกระตุ้นคอลลาเจน) สำหรับหลุมสิว: เติมเต็มเนื้อเยื่อจากภายในสู่ภายนอก!

แม้ว่า Morpheus8 จะทรงพลัง แต่ในบางกรณี โดยเฉพาะหลุมสิวที่ลึกมาก มีการยุบตัวของเนื้อเยื่อในวงกว้าง หรือต้องการการเติมเต็ม Volume ที่ชัดเจน Biostimulator ก็เป็นอีกหนึ่งอาวุธสำคัญที่ช่วยเสริมให้ผลลัพธ์สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นครับ


  • Juvelook (จูวีลุค)

    Juvelook (จูวีลุค)
    Juvelook (จูวีลุค)
    • บทบาท: ผมมักใช้ Juvelook ในการแก้ไข หลุมสิวตื้นๆ โดยเฉพาะหลุมสิวชนิด Boxcar ตื้น หรือ Rolling Scars ที่ไม่ลึกมาก รวมถึงการปรับปรุง รูขุมขนกว้าง และคุณภาพผิวโดยรวม

    • กลไก: Juvelook มีส่วนผสมหลักคือ Poly D, L-Lactic Acid (PDLLA) micro-particles และ Hyaluronic Acid (HA) แบบ Non-cross-linked เมื่อฉีดเข้าสู่ผิว HA จะช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้นและ Volume ทันที และที่สำคัญคือ PDLLA จะค่อยๆ สลายตัวไปพร้อมๆ กับการกระตุ้นให้เซลล์ Fibroblast สร้าง คอลลาเจนใหม่ รอบๆ อนุภาค PDLLA อย่างต่อเนื่องในระยะยาว ทำให้ผิวดูแน่นขึ้น หลุมสิวตื้นขึ้น รูขุมขนกระชับขึ้น และผิวดูละเอียดเรียบเนียนขึ้น

  • Sculptra (สคาลป์ทรา)

    Sculptra (สคาลป์ทรา)
    Sculptra (สคาลป์ทรา)
    • บทบาท: สำหรับกรณีที่มีปัญหา หลุมสิวที่ลึกมาก และมีการยุบตัวของเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังบริเวณแก้มที่ชัดเจน หรือมีปัญหา Volume Loss ในวงกว้าง ผมอาจพิจารณาใช้ Sculptra ในปริมาณที่เหมาะสม

    • กลไก: Sculptra มีสารสำคัญคือ Poly-L-Lactic Acid (PLLA) ซึ่งเป็นอนุภาคขนาดเล็กที่เมื่อฉีดเข้าไปในชั้นใต้ผิวหนัง จะไปกระตุ้นเซลล์ Fibroblast ให้สร้าง คอลลาเจน Type I (คอลลาเจนหลักที่ให้ความแข็งแรงและความหนาแน่นแก่ผิว) ขึ้นมาใหม่จำนวนมหาศาลอย่างเป็นธรรมชาติ กระบวนการนี้จะค่อยๆ สร้าง Volume และเติมเต็มเนื้อเยื่อที่ขาดหายไป ทำให้หลุมสิวที่ลึกดูตื้นขึ้นอย่างยั่งยืน และผิวดูยกกระชับขึ้นจากภายใน

การรักษาเสริมสำหรับหลุมสิว (เพื่อผลลัพธ์สูงสุด)

การรักษาหลุมสิวที่ได้ผลดีที่สุดมักจะต้องใช้การผสมผสานหลายวิธีครับ

การรักษาเสริมสำหรับหลุมสิว (เพื่อผลลัพธ์สูงสุด)
การรักษาเสริมสำหรับหลุมสิว (เพื่อผลลัพธ์สูงสุด)
  • Subcision (การเซาะพังผืด)

    • บทบาท: นี่คือหัตถการสำคัญสำหรับ Rolling Scars ที่มีพังผืดดึงรั้งอย่างชัดเจน

    • กลไก: แพทย์จะใช้เข็มพิเศษที่มีปลายคม สอดลงไปใต้ผิวหนังในบริเวณที่เป็นหลุมสิว แล้วทำการ "ตัด" หรือ "เซาะ" พังผืดที่คอยดึงรั้งผิวลงไป การตัดพังผืดนี้จะช่วยปลดล็อกผิวที่ถูกดึงรั้ง ทำให้ผิวบริเวณนั้นสามารถยกตัวขึ้นมาได้ และเกิดช่องว่างใต้หลุมสิวที่สามารถรับการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ได้ดียิ่งขึ้น

    • การผสมผสาน: มักทำควบคู่ไปกับการฉีด Biostimulator (เช่น Juvelook, Sculptra) หรือการทำ Morpheus8 เพื่อให้คอลลาเจนใหม่เข้าไปเติมเต็มช่องว่างที่เกิดขึ้นจากการเซาะพังผืด


  • TCA Cross (การแต้มกรด TCA)

    • บทบาท: สำหรับ Ice Pick Scars ที่ลึกและปากแคบโดยเฉพาะ

    • กลไก: แพทย์จะใช้กรด Trichloroacetic Acid (TCA) ความเข้มข้นสูง (มักจะ 70-100%) แต้มลงไปอย่างระมัดระวังเฉพาะในหลุมสิวแต่ละหลุม กรดจะเข้าไปทำลายผนังด้านข้างของหลุมสิวอย่างจำเพาะ และกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนจากก้นหลุมขึ้นมา เพื่อเติมเต็มหลุมให้ตื้นขึ้น

    • ข้อจำกัด: ต้องทำโดยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญสูง และมักต้องทำหลายครั้ง


  • Medical-grade Skincare (การดูแลผิวหน้าอย่างต่อเนื่อง)

    • แม้จะเป็นหัตถการที่จัดการปัญหาโครงสร้าง แต่การดูแลผิวด้วยสกินแคร์ที่เหมาะสมก็เป็นสิ่งจำเป็นครับ

    • บทบาท: สกินแคร์ที่มีส่วนผสมของ Retinoids (เช่น Retinol, Tretinoin), Growth Factors, หรือ Peptides ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและการผลัดเซลล์ผิว จะช่วยเสริมสร้างผลลัพธ์จากการรักษา และช่วยป้องกันการเกิดสิวใหม่และหลุมสิวใหม่ในระยะยาว

    • การใช้ครีมกันแดด: ป้องกันไม่ให้หลุมสิวเก่าคล้ำขึ้น และป้องกันการเกิดสิวใหม่

จากประสบการณ์หมอโนโน่: "ทางออก" สำหรับ "ริ้วรอย"... เน้นการฟื้นฟูโครงสร้างผิว การควบคุมการเคลื่อนไหว และการเติมเต็มอย่างแม่นยำ!

จากประสบการณ์หมอโนโน่: "ทางออก" สำหรับ "ริ้วรอย"... เน้นการฟื้นฟูโครงสร้างผิว การควบคุมการเคลื่อนไหว และการเติมเต็มอย่างแม่นยำ!
จากประสบการณ์หมอโนโน่: "ทางออก" สำหรับ "ริ้วรอย"... เน้นการฟื้นฟูโครงสร้างผิว การควบคุมการเคลื่อนไหว และการเติมเต็มอย่างแม่นยำ!

การจัดการกับ "ริ้วรอย" นั้นเป็นเรื่องที่ซับซ้อนครับ เพราะริ้วรอยเกิดจากหลายสาเหตุที่ทับซ้อนกัน ดังที่เราได้เจาะลึกไปแล้ว ทั้งการสูญเสียคอลลาเจน/อีลาสติน, Volume Loss, การทำลายจากแสงแดด, และการแสดงสีหน้าซ้ำๆ ดังนั้น การรักษาจึงต้องครอบคลุมทุกสาเหตุที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เรียบเนียน อ่อนเยาว์ และเป็นธรรมชาติที่สุดครับ

Botulinum Toxin (โบทูลินัม ท็อกซิน) หรือ "โบ/โบท็อกซ์": ผู้เชี่ยวชาญด้าน "ลดริ้วรอยจากการแสดงสีหน้า" อย่างแม่นยำ!

สำหรับริ้วรอยที่ปรากฏขึ้นเมื่อเรายิ้ม ขมวดคิ้ว หรือเลิกคิ้ว (Dynamic Wrinkles) Botulinum Toxin คือพระเอกของปัญหานี้ครับ!

  • กลไกการทำงานที่แม่นยำ: Botulinum Toxin เป็นโปรตีนบริสุทธิ์ที่ออกฤทธิ์โดยการ ยับยั้งการทำงานของสารสื่อประสาท (Acetylcholine) ที่ส่งสัญญาณจากเส้นประสาทไปยังกล้ามเนื้อ เมื่อแพทย์ฉีด Botulinum Toxin ในปริมาณที่เหมาะสมไปยังกล้ามเนื้อเป้าหมาย กล้ามเนื้อบริเวณนั้นก็จะ คลายตัว ไม่สามารถหดเกร็งได้ชั่วคราว

  • ผลลัพธ์ที่โดดเด่น: การที่กล้ามเนื้อคลายตัวนี้เอง ทำให้ริ้วรอยที่เกิดจากการหดเกร็งซ้ำๆ ของกล้ามเนื้อ เช่น ริ้วรอยหน้าผาก, รอยขมวดคิ้ว (ร่อง 11), รอยตีนกา ดูจางลงหรือหายไปชั่วคราว ทำให้ผิวบริเวณนั้นดูเรียบเนียนขึ้น และยังช่วย ป้องกันไม่ให้ริ้วรอยเหล่านี้พัฒนาเป็นริ้วรอยลึกแบบถาวร (Static Wrinkles) อีกด้วย

  • การปรับรูปหน้าและส่วนอื่นๆ (Secondary Benefits): นอกจากริ้วรอยแล้ว Botulinum Toxin ยังสามารถใช้ในการปรับรูปหน้าบางส่วนได้ เช่น ลดขนาดกล้ามเนื้อกรามให้ใบหน้าดูเรียวเล็กลง (V-shape), ยกมุมปากตก, ลดขนาดปีกจมูก, หรือลดเหงื่อใต้วงแขน

สำหรับริ้วรอยที่เกิดจากการขยับหน้าซ้ำๆ เปรียบเสมือนรอยพับบนเสื้อผ้าที่เกิดจากการขยับบ่อยๆ โบท็อกซ์คือการ 'พัก' การเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อเหล่านั้น ให้ผิวมีโอกาสได้คลายตัว ไม่เกิดรอยพับถาวร ช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์และผ่อนคลาย"

Dermal Fillers (สารเติมเต็ม หรือ "ฟิลเลอร์"): ผู้ช่วยเติมเต็ม "ริ้วรอยร่องลึก" และ "Volume Loss" อย่างเร่งด่วน!

หากปัญหาของคุณคือ ริ้วรอยร่องลึกแบบคงที่ (Static Wrinkles) ที่เห็นชัดเจนแม้ไม่ได้แสดงสีหน้า หรือการ สูญเสีย Volume ในบริเวณต่างๆ ของใบหน้า ที่ทำให้ใบหน้าดูโทรม เหนื่อยล้า และต้องการผลลัพธ์ที่ "เห็นได้ทันที" Dermal Fillers คือคำตอบที่ตรงจุดครับ!

  • สารสำคัญและกลไก: Hyaluronic Acid (HA)... คืนความอิ่มฟูและมิติแห่งความอ่อนเยาว์!

    • Dermal Fillers ส่วนใหญ่ที่ใช้ในปัจจุบันเป็นสารประเภท Hyaluronic Acid (HA) ซึ่งเป็นสารที่ร่างกายของเราสร้างขึ้นเองตามธรรมชาติ มีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำได้ดีเยี่ยม (สามารถอุ้มน้ำได้ถึง 1,000 เท่าของน้ำหนักตัวมันเอง) และเป็นส่วนประกอบสำคัญของผิวหนังและเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน ทำให้ผิวชุ่มชื้น อิ่มฟู

    • HA ที่นำมาใช้เป็นฟิลเลอร์จะถูกสังเคราะห์ขึ้นและผ่านกระบวนการ "Cross-linking" ซึ่งเป็นการเชื่อมโมเลกุลของ HA ให้เป็นเจลที่มีความหนืดและคงรูปได้นานขึ้น ความแตกต่างของการ Cross-linking นี้เองที่ทำให้ฟิลเลอร์มีคุณสมบัติที่แตกต่างกันไป ทั้งความนิ่ม ความแข็ง และความสามารถในการคงรูป เพื่อให้แพทย์เลือกใช้ได้เหมาะสมกับแต่ละบริเวณ

    • เมื่อฉีดเข้าไป: เจล HA จะทำหน้าที่ "เติมเต็มพื้นที่ที่ขาดหายไปโดยตรง" ในชั้นผิวที่เหมาะสม (หนังแท้ส่วนลึก, ใต้ผิวหนัง หรือแม้กระทั่งเหนือกระดูก) ทำให้ผิวบริเวณนั้นดูเต็มขึ้น เต่งตึงขึ้น และริ้วรอยร่องลึกดูตื้นขึ้นทันที


  • ผลลัพธ์ที่โดดเด่นในการเติมเต็มและปรับรูปหน้า:

    • เติมเต็มริ้วรอยร่องลึกแบบคงที่: ลดเลือนริ้วรอยต่างๆ ที่ปรากฏอยู่ตลอดเวลา เช่น ร่องแก้ม (Nasolabial Folds), ร่องน้ำหมาก (Marionette Lines), หรือริ้วรอยเล็กๆ รอบปาก (Perioral Lines)

    • คืน Volume ที่หายไป: เติมเต็มความยุบตัวในบริเวณต่างๆ ที่เกิดจากการสลายตัวของไขมันและกระดูก ทำให้ใบหน้าดูเต็มและอ่อนเยาว์ขึ้น เช่น ใต้ตา (Tear Troughs) ที่เป็นเบ้าลึก, ขมับตอบ, แก้มตอบ, หรือการสร้างกรอบหน้าและคางให้คมชัดและได้สัดส่วนที่สวยงาม

    • ปรับรูปหน้าและเพิ่มมิติ (Contouring & Enhancement): เพิ่มวอลลุ่มริมฝีปาก, ปรับสันจมูกให้โด่งขึ้นเล็กน้อย (Non-surgical Nose Job), เพิ่มมิติให้โหนกแก้ม


"ถ้าผิวหน้าของคุณเปรียบเสมือนผืนผ้าที่ถูกแรงโน้มถ่วงและกาลเวลาทำให้เกิดรอยย่น รอยบุ๋ม ฟิลเลอร์ก็คือการ 'ดึงตึง' และ 'เติมเต็ม' ส่วนที่ยุบลงไปในทันที ทำให้ผืนผ้ากลับมาเรียบเนียนและมีมิติที่สวยงามครับ"

Biostimulator (สารกระตุ้นคอลลาเจน) สำหรับริ้วรอยและชะลอวัย: ฟื้นฟูโครงสร้างผิวจากภายในสู่ภายนอก!

แม้จะให้ผลลัพธ์ไม่เร็วเท่าฟิลเลอร์ แต่ Biostimulator คือหัวใจสำคัญในการ ชะลอวัย และจัดการริ้วรอยที่ต้นเหตุอย่างแท้จริงครับ เป็นการลงทุนเพื่อผิวที่แข็งแรงและอ่อนเยาว์ในระยะยาว

  • Sculptra (สคาลป์ทรา)

    • บทบาท: สำหรับริ้วรอยที่เกิดจาก Volume Loss รุนแรง และ ความหย่อนคล้อยของโครงสร้างใบหน้า รวมถึงริ้วรอยร่องลึกที่เกิดจากการเสื่อมของคอลลาเจนในวงกว้าง

    • กลไก: Sculptra มีสารสำคัญคือ Poly-L-Lactic Acid (PLLA) ซึ่งเป็นอนุภาคขนาดเล็กที่เมื่อฉีดเข้าไปในชั้นใต้ผิวหนัง จะไปกระตุ้นเซลล์ไฟโบรบลาสต์ให้สร้าง คอลลาเจน Type I (คอลลาเจนหลักที่ให้ความแข็งแรงและความหนาแน่นแก่ผิว) ขึ้นมาใหม่จำนวนมหาศาลอย่างเป็นธรรมชาติ กระบวนการนี้จะค่อยๆ สร้าง Volume และเติมเต็มเนื้อเยื่อที่ขาดหายไป ทำให้ใบหน้าดูยกกระชับขึ้น ริ้วรอยร่องลึกต่างๆ ก็จะดูตื้นขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติและยั่งยืน

  • Profhilo (โปรฟิโล)

    • บทบาท: สำหรับริ้วรอยเล็กๆ ทั่วใบหน้าที่เกิดจาก ผิวขาดความยืดหยุ่นและคุณภาพผิวเสื่อมโทรม ต้องการการฟื้นฟูผิวโดยรวมให้ดูเด็กและสดใสขึ้น

    • กลไก: Profhilo เป็น Hyaluronic Acid (HA) ที่มีความบริสุทธิ์สูงและมีโครงสร้างเฉพาะตัว (ไม่ Cross-linked) เมื่อฉีดเข้าสู่ผิว จะแพร่กระจายไปทั่วบริเวณ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน, อีลาสติน และ Hyaluronic Acid ที่ร่างกายสร้างเอง ทำให้ผิวดูแน่นกระชับขึ้น มีความยืดหยุ่นดีขึ้น ผิวดูอิ่มฟู และริ้วรอยเล็กๆ ดูจางลง

  • Juvelook (จูวีลุค) และ Definisse Hydrobooster

    • บทบาท: สำหรับริ้วรอยตื้นๆ ที่เกิดจาก ผิวแห้งขาดน้ำ และต้องการความชุ่มชื้นแบบจัดเต็ม ช่วยให้ผิวอิ่มฟู ริ้วรอยตื้นๆ ดูจางลง และปรับปรุงคุณภาพผิวโดยรวมให้ดีขึ้นอย่างละเอียด

Morpheus8: จัดการ "ริ้วรอย" พร้อม "ยกกระชับผิว" และปรับ "คุณภาพผิว" ไปพร้อมกัน!

Morpheus8 ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การรักษาหลุมสิวครับ แต่ยังเป็นนวัตกรรมที่ยอดเยี่ยมในการจัดการกับ ริ้วรอยทุกประเภท และ ยกกระชับผิว ไปพร้อมกัน ถือเป็นการ "Remodel ผิว" ที่ครอบคลุมอย่างแท้จริง

  • กลไก: อย่างที่ได้อธิบายไปในส่วนของหลุมสิว พลังงาน RF ที่ลงลึกถึงชั้นหนังแท้ผ่านเข็มจิ๋ว จะกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่จำนวนมาก ทำให้ผิวโดยรวมแน่นกระชับขึ้น ริ้วรอยต่างๆ ดูตื้นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

  • เหมาะสำหรับ: ผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยร่องลึก, ริ้วรอยที่เกิดจากความหย่อนคล้อย, ผิวไม่เรียบเนียน, รูขุมขนกว้าง และต้องการยกกระชับใบหน้าไปพร้อมกับการลดริ้วรอย

Morpheus8 คือ 'เครื่องจักร' ที่สามารถ 'รีด' และ 'จัดเรียง' ผืนผ้าที่ยับย่น ให้กลับมาเรียบตึง พร้อมกับ 'ทอเส้นใย' ใหม่เข้าไปในผืนผ้า ทำให้โครงสร้างผิวแข็งแรงขึ้นจากภายใน สู่ผิวที่เรียบเนียนและอ่อนเยาว์

ปรัชญา "หมอโนโน่มัดรวม" ที่ Entrio Clinic ราชประสงค์: การรักษาที่เหนือกว่า... เพื่อ "ผิวสวยในแบบคุณ" อย่างแท้จริง!

จากประสบการณ์ของผม ปัญหา "หลุมสิว" และ "ริ้วรอย" มักจะมาพร้อมกับปัญหาผิวอื่นๆ ที่ซับซ้อนครับ ไม่ว่าจะเป็นรูขุมขนกว้าง, สีผิวไม่สม่ำเสมอ, ความหย่อนคล้อย หรือผิวขาดความชุ่มชื้น ดังนั้น การรักษาด้วยวิธีการเดียวจึงมักจะให้ผลลัพธ์ที่ไม่สมบูรณ์ครับ

ที่ Entrio Clinic คลินิกเสริมความงาม ราชประสงค์ ผมและทีมแพทย์ของเราจึงยึดมั่นในปรัชญา "การรักษาแบบผสมผสาน" (Combination Therapy) ที่ออกแบบมาอย่างพิถีพิถันและ "เฉพาะบุคคล" ครับ

ปรัชญา "หมอโนโน่มัดรวม" ที่ Entrio Clinic ราชประสงค์: การรักษาที่เหนือกว่า... เพื่อ "ผิวสวยในแบบคุณ" อย่างแท้จริง!
  1. การวิเคราะห์ปัญหาอย่างลึกซึ้งและแม่นยำ:

    • ทุกการรักษาเริ่มต้นด้วยการพูดคุยและวิเคราะห์สภาพผิวของคุณอย่างละเอียดครับ ผมจะประเมินทั้งชนิดของหลุมสิว, ความลึกของริ้วรอย, สภาพผิวโดยรวม (เช่น รูขุมขน, Texture), ปัญหา Volume Loss, ความยืดหยุ่นของผิว, พฤติกรรมการแสดงสีหน้า, รวมถึงความคาดหวังและงบประมาณของคุณ

    • ผมจะใช้ความรู้ด้านกายวิภาคศาสตร์และประสบการณ์ในการประเมินโครงสร้างใบหน้าของคุณแบบองค์รวม เพื่อให้การรักษาไม่เพียงแค่แก้ไขปัญหา แต่ยังเสริมสร้างความงามในแบบที่เป็นธรรมชาติที่สุด


  2. การผสมผสานนวัตกรรมอย่างมีกลยุทธ์:

    • การเสริมฤทธิ์กัน: เราจะเลือกใช้หัตถการจากกลุ่มต่างๆ ให้ทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ใช้ Botulinum Toxin จัดการริ้วรอยจากการแสดงสีหน้า ในขณะที่ Morpheus8 เข้าไป Remodel ผิวโดยรวม และ Biostimulator ค่อยๆ สร้างคอลลาเจนเพื่อแก้ปัญหา Volume Loss ในระยะยาว หรือใช้ Subcision เพื่อปลดล็อกหลุมสิวลึก ก่อนตามด้วย Morpheus8 เพื่อกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อใหม่

    • ผลลัพธ์ที่ยั่งยืนและเป็นธรรมชาติ: การผสมผสานนี้ ทำให้เราสามารถจัดการกับปัญหาในทุกมิติของผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ผลลัพธ์ที่ได้จึงไม่ใช่แค่การ "แก้ปัญหา" แต่เป็นการ "ยกระดับ" คุณภาพผิวโดยรวมให้ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และดูเป็นธรรมชาติครับ เพราะเป็นการกระตุ้นให้ผิวของคุณ "ฟื้นฟูตัวเอง"


  3. ความใส่ใจใน "ความปลอดภัย" และ "ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ":

    • ผมให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของคนไข้เป็นอันดับแรกเสมอครับ เราเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ของแท้ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานสากล และเครื่องมือที่ทันสมัยที่สุด

    • ผมมุ่งมั่นที่จะมอบผลลัพธ์ที่ดู "สวยงามและเป็นธรรมชาติ" ไม่ใช่การทำให้ดู "เปลี่ยนไป" จนไม่เหมือนเดิมครับ การปรับปรุงที่ละเมียดละไม และการคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของแต่ละบุคคล คือหัวใจสำคัญของการทำงานของผมและทีมแพทย์ที่ Entrio Clinic

ทำไม Entrio Clinic คลินิกเสริมความงาม ราชประสงค์ จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคุณ?

  • แพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์: ผม นายแพทย์ ชนภัทร ชินเวชกิจวานิชย์ และทีมแพทย์ Entrio Clinic มีความรู้และประสบการณ์ในศาสตร์แห่งความงามอย่างลึกซึ้ง พร้อมอัปเดตนวัตกรรมและเทคนิคใหม่ๆ อยู่เสมอ

  • นวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัยครบวงจร: เราคัดสรรเฉพาะเครื่องมือและผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุด (เช่น Morpheus8, Sculptra, Profhilo, Juvelook, Botulinum Toxin, Dermal Fillers) เพื่อให้เรามี "อาวุธ" ที่ครบครันในการจัดการกับปัญหาผิวทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น "หลุมสิว" หรือ "ริ้วรอย"

  • การดูแลแบบ "เฉพาะบุคคล": เราเชื่อมั่นว่าการรักษาที่ดีที่สุดคือการรักษาที่ออกแบบมาเพื่อคุณเพียงคนเดียวเท่านั้น ไม่ใช่สูตรสำเร็จ

  • บรรยากาศพรีเมียมและบริการเหนือระดับ: ที่ Entrio Clinic ราชประสงค์ คุณจะได้รับประสบการณ์การดูแลผิวพรรณในบรรยากาศที่หรูหรา ผ่อนคลาย และการบริการที่ใส่ใจในทุกรายละเอียด

  • ทำเลใจกลางเมือง: ตั้งอยู่ในย่านราชประสงค์ เดินทางสะดวกสบาย เหมาะสำหรับไลฟ์สไตล์ของคนเมือง

ก้าวแรกสู่ผิวที่เรียบเนียน ไร้ริ้วรอย และอ่อนเยาว์ เริ่มต้นที่ Entrio Clinic ราชประสงค์!

อย่าปล่อยให้ปัญหา "หลุมสิว" และ "ริ้วรอย" มาบั่นทอนความมั่นใจของคุณอีกต่อไปครับ การมีผิวหน้าที่เรียบเนียน กระจ่างใส และอ่อนเยาว์ ไม่ใช่เรื่องเพ้อฝันอีกต่อไป หากได้รับการดูแลรักษาอย่างถูกต้องและตรงจุด

ผมขอเชิญชวนทุกท่านที่กำลังมองหา คลินิกเสริมความงาม ที่พร้อมจะดูแลคุณด้วยความเข้าใจในศาสตร์แห่งความงามอย่างลึกซึ้ง และนำพานวัตกรรมที่ทันสมัยที่สุดมาดูแลคุณ... มาปรึกษาผมที่ Entrio Clinic ครับ

เราจะร่วมกันวิเคราะห์ปัญหาผิวของคุณอย่างละเอียด ออกแบบแผนการรักษาที่เหมาะสมที่สุด และร่วมกันสร้างสรรค์ "ผิวสวยในแบบคุณ" ให้กลับมาเปล่งประกายอีกครั้งครับ ผมและทีมงานพร้อมดูแลคุณในทุกขั้นตอนของการเดินทางครั้งนี้ครับ


Entrio Clinic - Refined Aesthetic Experience 

“เราเชื่อว่า ความสวยที่แท้จริง มาจากสุขภาพผิวที่ดี และความเข้าใจในวิทยาศาสตร์” 

📍 ที่ตั้ง: https://maps.app.goo.gl/X9WpN51pnK5otKip8


ชั้น 4 ตึกเอราวัณ แบงค็อก (Erawan Bangkok), สี่แยกราชประสงค์ (หลังศาลท้าวมหาพรหมเอราวัณ) กรุงเทพมหานคร 


💬 Line: @‌entrioclinic หรือคลิก bit.ly/EntrioLine


📞 โทร: 097-154-2222


🌐 Website: entrioclinic.com



📷 Instagram: entrioclinic หรือคลิ๊ก instagram.com/entrioclinic/

 
 
 

Comments


© 2024 เอ็นทริโอ คลินิก. สงวนลิขสิทธิ์

bottom of page