top of page
  • Whatsapp
  • Line
  • โทรเลข
  • Facebook
  • Instagram
ค้นหา

ทำยังไงให้ผิวเด็กอ่อนเยาว์? หมอโนโน่ท้าพิสูจน์ Program Biostimulator สารกระตุ้นคอลลาเจน ที่ Entrio Clinic คลินิกเสริมความงาม ราชประสงค์

อัปเดตเมื่อ 5 มิ.ย.

ทำยังไงให้ผิวเด็กอ่อนเยาว์? หมอโนโน่ท้าพิสูจน์ Program Biostimulator สารกระตุ้นคอลลาเจน ที่ Entrio Clinic คลินิกเสริมความงาม ราชประสงค์
ทำยังไงให้ผิวเด็กอ่อนเยาว์? หมอโนโน่ท้าพิสูจน์ Program Biostimulator สารกระตุ้นคอลลาเจน ที่ Entrio Clinic คลินิกเสริมความงาม ราชประสงค์

สวัสดีครับทุกคน! หมอโนโน่ นายแพทย์ ชนภัทร ชินเวชกิจวานิชย์ ว.60686 อีกครั้งนะครับ จาก Entrio Clinic คลินิกเวชกรรมความงามใจกลางราชประสงค์ ย่านที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา และผู้คนที่มองหาการดูแลตัวเองให้ดูดีที่สุดอยู่เสมอ ที่นี่ เราเชื่อในการนำเสนอเทคโนโลยีความงามที่ทันสมัย ปลอดภัย และให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างอย่างแท้จริงครับ

ในฐานะแพทย์ที่ได้คลุกคลีในวงการความงามและเวชศาสตร์ชะลอวัยมาพอสมควร ผมได้เห็นความปรารถนาอันแรงกล้าของผู้คนในการคงความอ่อนเยาว์ และแก้ไขสัญญาณแห่งวัยที่ปรากฏขึ้นบนผิวพรรณครับ ปัญหาผิวที่มาพร้อมอายุ ทั้งความหย่อนคล้อย ริ้วรอย ผิวที่ดูไม่สดใส หรือผิวที่ขาด Volume เปรียบเสมือนเรื่องราวของกาลเวลาที่ถูกจารึกไว้บนผิวหนังของเรา ซึ่งหลายคนอยากจะ "เขียนใหม่" หรือ "แก้ไข" เรื่องราวนั้นให้กลับมาดูอ่อนเยาว์อีกครั้ง

ในอดีต เมื่อพูดถึงการแก้ปัญหาเหล่านี้ หลายคนอาจนึกถึงการผ่าตัดดึงหน้า การใช้ Filler เติมเต็ม หรือเครื่องยกกระชับต่างๆ ซึ่งแต่ละวิธีก็มีข้อดีและข้อจำกัดแตกต่างกันไปครับ แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ มีนวัตกรรมหนึ่งที่น่าจับตามองเป็นพิเศษ และได้รับความสนใจอย่างมากในวงการแพทย์ผิวหนัง นั่นก็คือกลุ่ม Biostimulator หรือ สารกระตุ้นคอลลาเจน (ไหมน้ำ)​ ครับ

ทำไม Biostimulator ถึงน่าสนใจ? และมันแตกต่างจาก Filler หรือหัตถการอื่นๆ อย่างไร? วันนี้ หมอโนโน่ ขอ "ท้าพิสูจน์" และเจาะลึกเรื่องราวของ Biostimulator ให้ทุกคนได้รู้จักอย่างแท้จริง ว่านวัตกรรมนี้จะช่วยให้คุณมี ผิวเด็กอ่อนเยาว์ ได้อย่างไร และทำไม Biostimulator ถึงเป็นตัวเลือกที่น่าลงทุนเพื่อ ฟื้นฟูผิว ในระยาว ที่ Entrio Clinic คลินิกเสริมความงาม ราชประสงค์ ครับ!

บทความนี้ ไม่ได้มีแค่ข้อมูลเชิงวิชาการนะครับ แต่ผมจะเล่าผ่านประสบการณ์ของผมเอง พร้อมยกตัวอย่างประกอบ เพื่อให้ทุกคนเห็นภาพ และเข้าใจถึงศักยภาพอันน่าทึ่งของ สารกระตุ้นคอลลาเจน เหล่านี้ ว่าจะช่วยให้ผิวของคุณกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งได้อย่างไร ติดตามกันได้เลยครับ!

ทำความเข้าใจ "ผิวที่แก่ขึ้น"... เมื่อ "โครงสร้าง" และ "สปริง" แห่งผิวเสื่อมสลาย

หลังจากที่เราเกริ่นกันไปถึงความปรารถนาในการมี ผิวเด็กอ่อนเยาว์ และความท้าทายของสัญญาณแห่งวัย วันนี้เราจะมาทำความเข้าใจถึง "ต้นเหตุ" ที่แท้จริงของผิวที่แก่ขึ้นกันแบบละเอียดครับ เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนว่าทำไมการดูแลผิวที่ตรงจุดจึงสำคัญ และทำไม Biostimulator สารกระตุ้นคอลลาเจน จึงเข้ามามีบทบาทสำคัญในการ ฟื้นฟูผิว ในยุคปัจจุบันครับ

ลองมองภาพผิวของเราเมื่อครั้งยังเยาว์ดูนะครับ ผิวเด็กๆ จะดูเต่งตึง อิ่มฟู เนียนใส และยืดหยุ่นมากๆ ครับ เมื่อลองเอานิ้วกดลงไป จะรู้สึกว่ามันเด้งสู้มือ และกลับคืนรูปเดิมได้อย่างรวดเร็ว นั่นเป็นเพราะในวัยเยาว์ ผิวของเรามีสารสำคัญที่เป็นองค์ประกอบของโครงสร้างผิวอย่างเต็มเปี่ยม และยังทำงานประสานกันได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดครับ สารสำคัญเหล่านั้นก็คือ คอลลาเจน (Collagen), อีลาสติน (Elastin), และ ไฮยาลูรอนิค แอซิด (Hyaluronic Acid - HA) ครับ


ทำความเข้าใจ "ผิวที่แก่ขึ้น"... เมื่อ "โครงสร้าง" และ "สปริง" แห่งผิวเสื่อมสลาย
ทำความเข้าใจ "ผิวที่แก่ขึ้น"... เมื่อ "โครงสร้าง" และ "สปริง" แห่งผิวเสื่อมสลาย

เปรียบเทียบให้เห็นภาพง่ายๆ เหมือนผิวของเราเป็น "อาคาร" หลังหนึ่งครับ

  1. คอลลาเจน (Collagen)

นี่คือ "เสาหลัก" "คาน" และ "โครงสร้างเหล็ก" ที่ค้ำจุนอาคารผิวหนังของเราไว้ครับ คอลลาเจนเป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่พบมากที่สุดในร่างกาย โดยเฉพาะในชั้นหนังแท้ (Dermis) ซึ่งอยู่ถัดจากผิวหนังกำพร้า (Epidermis) ลงไป คอลลาเจนจะรวมตัวกันเป็นเส้นใยที่แข็งแรงสานกันเป็นร่างแห คอยพยุงให้ผิวหนังของเรามีความแข็งแรง ไม่หย่อนคล้อย และดูเรียบเนียนครับ คอลลาเจนที่พบมากในชั้นหนังแท้ คือ คอลลาเจน Type I ซึ่งให้ความแข็งแรง และคอลลาเจน Type III ซึ่งให้ความยืดหยุ่นในวัยเยาว์


  1. อีลาสติน (Elastin)

ถ้าคอลลาเจนคือโครงสร้างหลัก อีลาสตินก็คือ "สปริง" หรือ "ยางยืด" ที่แทรกอยู่ในโครงสร้างคอลลาเจนครับ อีลาสตินช่วยให้ผิวของเรามีความยืดหยุ่นสูง สามารถยืดออกและหดกลับคืนรูปเดิมได้อย่างรวดเร็ว ลองนึกภาพยางยืดใหม่ๆ ครับ เมื่อเราดึง มันจะยืดได้มากและเด้งกลับทันที ผิวที่มีอีลาสตินเพียงพอจึงดูเด้ง ไม่ยับง่าย และไม่เกิดรอยพับถาวรจากการแสดงสีหน้าครับ


  1. ไฮยาลูรอนิค แอซิด (Hyaluronic Acid - HA)

สารนี้ไม่ใช่แค่โครงสร้าง แต่เป็นเหมือน "น้ำ" หรือ "เจล" ที่เติมเต็มช่องว่างระหว่างเส้นใยคอลลาเจนและอีลาสตินครับ HA มีคุณสมบัติในการดูดและอุ้มน้ำไว้ได้ปริมาณมหาศาล ทำให้ผิวของเราดูอิ่มฟู ชุ่มชื้น เปล่งปลั่ง และเรียบเนียนครับ HA ยังช่วยให้เซลล์ผิวทำงานได้อย่างปกติ และเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างพื้นฐานที่ช่วยให้ผิวดูเต่งตึงครับ

และผู้ที่ทำหน้าที่ "ผู้รับเหมา" หรือ "ผู้สร้าง" โครงสร้างและสปริงเหล่านี้ขึ้นมา ก็คือเซลล์ที่ชื่อว่า ไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) ครับ เซลล์เล็กๆ เหล่านี้อยู่ในชั้นหนังแท้ ทำหน้าที่ผลิตคอลลาเจน อีลาสติน HA และสารอื่นๆ ที่สำคัญต่อสุขภาพผิวครับ

เมื่อ "อาคารผิว" เริ่มทรุดโทรม... สัญญาณแห่งวัยที่ปรากฏ

แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไปครับ โดยเฉพาะเมื่ออายุย่างเข้า 25 ปีขึ้นไป กระบวนการในร่างกายเราก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไปครับ โรงงานผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินอย่างเซลล์ Fibroblast ก็เริ่มทำงานช้าลง ประสิทธิภาพในการผลิตสารสำคัญเหล่านี้ลดลง และในขณะเดียวกัน อัตราการสลายตัวของคอลลาเจนและอีลาสตินที่มีอยู่เดิมกลับเพิ่มสูงขึ้นครับ ปัจจัยภายนอกต่างๆ ก็ยิ่งเป็นตัวเร่งให้กระบวนการนี้เร็วขึ้นไปอีกครับ

เมื่อ "อาคารผิว" เริ่มทรุดโทรม... สัญญาณแห่งวัยที่ปรากฏ
เมื่อ "อาคารผิว" เริ่มทรุดโทรม... สัญญาณแห่งวัยที่ปรากฏ

ปัจจัยภายนอกตัวเร่งความเสื่อม


  • แสงแดด (UV Radiation)

รังสี UV จากแสงแดด คือตัวร้ายอันดับต้นๆ ครับ มันทำลายเส้นใยคอลลาเจนและอีลาสตินโดยตรง ทำให้โครงสร้างผิวอ่อนแอลง และยังกระตุ้นให้เอนไซม์ที่ย่อยสลายคอลลาเจน (Matrix Metalloproteinases - MMPs) ทำงานมากขึ้น เปรียบเสมือนการเร่งให้โครงสร้างอาคารผุพังเร็วขึ้น


  • มลภาวะ (Pollution)

ฝุ่น PM2.5 ควัน สารเคมีในอากาศ ก็เป็นตัวการที่สร้างอนุมูลอิสระ (Free Radicals) ทำลายเซลล์ผิวและโครงสร้างคอลลาเจน อีลาสตินเช่นกันครับ


  • ความเครียด (Stress)

ความเครียดเรื้อรังส่งผลต่อฮอร์โมนในร่างกาย และกระตุ้นให้เกิดกระบวนการอักเสบ ซึ่งทำลายเซลล์ผิวและเส้นใยโปรตีนสำคัญครับ


  • พฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่เหมาะสม

เช่น การสูบบุหรี่ (สารพิษในบุหรี่ทำลายคอลลาเจน ทำให้หลอดเลือดฝอยที่ไปเลี้ยงผิวตีบ ผิวดูหมองคล้ำ), การอดนอน, การรับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ (โดยเฉพาะอาหารที่มีน้ำตาลสูง นำไปสู่กระบวนการ Glycation)


  • กระบวนการ Glycation

เมื่อระดับน้ำตาลในเลือดสูง น้ำตาลจะไปเกาะจับกับเส้นใยคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้เส้นใยเหล่านี้แข็งกระด้าง เปราะ ไม่ยืดหยุ่น และทำงานได้ไม่เต็มที่ เปรียบเสมือนโครงสร้างเหล็กในอาคารที่เริ่มเป็นสนิมและเสียความยืดหยุ่น

ผลจากการที่คอลลาเจน อีลาสติน และ HA ลดลง พร้อมกับการโจมตีจากปัจจัยภายนอก ทำให้ "อาคารผิว" ของเราเริ่มแสดงสัญญาณของการทรุดโทรมครับ สัญญาณเหล่านั้นปรากฏออกมาในรูปแบบต่างๆ ที่เราสังเกตเห็นได้ชัดเจน:


  • ผิวย่อนคล้อย (Skin Sagging): เมื่อ "เสาหลัก" อย่างคอลลาเจนน้อยลงและไม่แข็งแรง ผิวหนังก็จะขาดแรงพยุงครับ แรงโน้มถ่วงของโลกก็ยิ่งดึงผิวลง ทำให้เกิดปัญหา แก้มย้อย เหนียงห้อย หนังตาตก คิ้วตก และกรอบหน้าไม่ชัดเจนครับ ความหย่อนคล้อยนี้อาจมีหลายระดับ ตั้งแต่เล็กน้อยไปจนถึงหย่อนคล้อยมาก


  • ริ้วรอย (Wrinkles):

    • ริ้วรอยตื้น (Fine Lines): เกิดจากการที่อีลาสตินลดลง ผิวขาดความยืดหยุ่น ทำให้เกิดรอยพับเล็กๆ เมื่อแสดงสีหน้า เช่น รอยย่นที่หางตา (ตีนกา), รอยย่นที่หน้าผาก, รอยย่นระหว่างคิ้ว ในระยะแรก รอยเหล่านี้จะหายไปเมื่อหยุดแสดงสีหน้า


    • ริ้วรอยร่องลึก (Deep Wrinkles & Folds): หากริ้วรอยตื้นๆ ไม่ได้รับการดูแล และผิวขาดคอลลาเจน/อีลาสตินอย่างต่อเนื่อง รอยพับจากการแสดงสีหน้าก็จะค่อยๆ ฝังลึกกลายเป็นรอยถาวรที่ปรากฏอยู่ตลอดเวลาครับ รวมถึงการสูญเสีย Volume ในชั้นผิว ก็ทำให้เกิด ร่องแก้มลึก ร่องน้ำหมาก ร่องใต้ตา ที่ชัดเจนขึ้น


  • ผิวขาด Volume (Volume Loss): นอกจากการลดลงของคอลลาเจนและ HA แล้ว การสลายของไขมันใต้ผิวหนังในบางบริเวณ เช่น แก้ม ขมับ ใต้ตา ก็มีส่วนทำให้ใบหน้าดูตอบ ดูโทรม ขาดความอิ่มฟูครับ เหมือนส่วนประกอบภายในอาคารหายไป ทำให้โครงสร้างโดยรวมดูไม่เต็มครับ


  • ผิวขาดความแน่นกระชับ (Loss of Firmness): เมื่อทั้งคอลลาเจนและอีลาสตินลดลง ผิวก็จะขาดความแข็งแรงและยืดหยุ่น ทำให้ผิวรู้สึกนุ่ม ไม่แน่นกระชับเหมือนเมื่อก่อนครับ เมื่อลองสัมผัสจะรู้สึกได้ถึงความ "ย้วย" เล็กๆ ครับ


  • ผิวไม่เรียบเนียน / รูขุมขนกว้าง (Uneven Texture / Enlarged Pores): การเสื่อมสภาพของคอลลาเจนรอบๆ รูขุมขน และการผลิตน้ำมันที่เปลี่ยนแปลงไป ก็ส่งผลให้รูขุมขนดูชัดเจนขึ้น และผิวโดยรวมดูไม่ละเอียด เรียบเนียนเหมือนเดิมครับ ปัญหารอยแผลเป็นจากสิว หรือรอยอื่นๆ ก็อาจดูชัดเจนขึ้นเมื่อโครงสร้างผิวไม่แข็งแรงครับ


  • ผิวหมองคล้ำ / ไม่สดใส (Dullness): การผลัดเซลล์ผิวที่ช้าลง การสะสมของเม็ดสี และการที่ผิวขาดความชุ่มชื้นจาก HA ที่ลดลง ล้วนทำให้ผิวโดยรวมดูไม่สดใส หมองคล้ำ และขาดความเปล่งปลั่งครับ


ปัญหาเหล่านี้ไม่ได้น่ากังวลแค่เรื่องความสวยงามภายนอกนะครับ แต่ยังสะท้อนถึงสุขภาพของผิวในระดับเซลล์ด้วย การที่ผิวขาดคอลลาเจน อีลาสติน และ HA อย่างต่อเนื่อง ทำให้ผิวโดยรวมอ่อนแอลง ฟื้นตัวช้าลง และมีความสามารถในการปกป้องตัวเองจากปัจจัยภายนอกได้น้อยลงครับ

Biostimulator: กุญแจสำคัญ... สู่การ "ปลุก" ผิวให้สร้างคอลลาเจนและอีลาสติน "ด้วยตัวเอง"!

มาต่อกันที่หัวใจสำคัญของบทความนี้ครับ! หลังจากที่เราได้ทำความเข้าใจถึงการเสื่อมสลายของ "โครงสร้าง" และ "สปริง" แห่งผิว อันเป็นต้นเหตุของสัญญาณแห่งวัยต่างๆ ทั้งความหย่อนคล้อย ริ้วรอย และการขาด Volume แล้ว คำถามต่อไปคือ แล้วเราจะทำอย่างไรให้ผิวกลับมาแข็งแรง และดู ผิวเด็กอ่อนเยาว์ ได้อีกครั้งอย่างยั่งยืนล่ะ?

ในอดีต วิธีการแก้ไขปัญหาเหล่านี้มักจะเน้นไปที่การ "เติมเต็ม" ส่วนที่ยุบตัวลงไปทันทีด้วยสารเติมเต็ม (Filler) ซึ่งส่วนใหญ่เป็น Hyaluronic Acid หรือการใช้เครื่องมือที่ปล่อยพลังงานเพื่อกระตุ้นการหดตัวของคอลลาเจนเดิม และกระตุ้นการสร้างใหม่ในระดับหนึ่ง ซึ่งก็ให้ผลลัพธ์ที่ดีครับ แต่ผลลัพธ์ที่ได้อาจเป็นเพียงการ "ซ่อมแซมชั่วคราว" หรือ "พยุง" ไว้เท่านั้น ไม่ได้เป็นการแก้ปัญหาที่ "ต้นตอ" อย่างแท้จริง นั่นคือความสามารถในการผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินที่ลดน้อยลงของร่างกายเราเอง

นี่คือจุดที่นวัตกรรม Biostimulator (ไหมน้ำ) เข้ามาเปลี่ยนเกมครับ! สำหรับผม หมอโนโน่ Entrio Clinic คลินิกเสริมความงาม ราชประสงค์ มองว่า Biostimulator คือกุญแจสำคัญที่จะช่วย "ปลุก" ศักยภาพที่ซ่อนอยู่ของผิวคุณ ให้กลับมาทำงานได้อย่างเต็มที่อีกครั้ง เปรียบเสมือนการเปิด "โรงงานผลิตคอลลาเจนและอีลาสติน" ในผิวของคุณ ให้กลับมาเดินเครื่องจักรอีกครั้งครับ!


Biostimulator: กุญแจสำคัญ... สู่การ "ปลุก" ผิวให้สร้างคอลลาเจนและอีลาสติน "ด้วยตัวเอง"!
Biostimulator: กุญแจสำคัญ... สู่การ "ปลุก" ผิวให้สร้างคอลลาเจนและอีลาสติน "ด้วยตัวเอง"!

Biostimulator คืออะไร? ทำความรู้จักกับ "ผู้ปลุกพลัง Fibroblast"

Biostimulator (ไหมน้ำ) หรือที่เรียกกันว่า สารกระตุ้นคอลลาเจน คือกลุ่มของสารที่เข้ากันได้ดีกับร่างกายมนุษย์ (Biocompatible) และสามารถสลายไปได้เองตามธรรมชาติ (Biodegradable) เมื่อฉีดเข้าไปในชั้นผิวหนังครับ แต่หน้าที่ของมันไม่ใช่การเข้าไปแทนที่เนื้อเยื่อที่หายไปแบบตรงๆ ทันทีเหมือน Filler ทั่วไปครับ

หน้าที่หลักของ Biostimulator คือการ "กระตุ้น" เซลล์ Fibroblast ซึ่งเป็นเซลล์หลักในชั้นหนังแท้ (Dermis) ที่ทำหน้าที่ผลิต คอลลาเจน (Collagen), อีลาสติน (Elastin), และ ไฮยาลูรอนิค แอซิด (Hyaluronic Acid - HA) และองค์ประกอบอื่นๆ ที่สำคัญของ Extracellular Matrix (ECM) หรือโครงสร้างพื้นฐานนอกเซลล์ผิว

กลไกการ "ปลุก" พลัง Fibroblast ของ Biostimulator

เมื่อ สารกระตุ้นคอลลาเจน เหล่านี้ถูกฉีดเข้าไปในชั้นผิว กลไกการทำงานจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับชนิดของ Biostimulator ครับ แต่โดยรวมแล้วมักจะอาศัยหลักการคล้ายๆ กันคือ


  1. การสร้าง Micro-environment ที่เอื้อต่อการกระตุ้น

Biostimulator บางชนิด เช่น Sculptra หรือ Radiesse ที่มีลักษณะเป็นอนุภาคเล็กๆ เมื่อเข้าไปในชั้นผิว จะสร้างสภาพแวดล้อมขนาดเล็กที่ไปกระตุ้นให้เกิดการตอบสนองของเซลล์เนื้อเยื่อครับ


  1. การส่งสัญญาณตรงไปยัง Fibroblast

สารสำคัญใน Biostimulator จะถูกรับรู้โดยเซลล์ Fibroblast และส่งสัญญาณผ่านกลไกทางชีวเคมีต่างๆ ภายในเซลล์ เพื่อ "ปลุก" ให้เซลล์เหล่านี้กลับมาทำงานอย่างแข็งขันอีกครั้ง จากที่เคยทำงานช้าลงตามวัย


  1. การกระตุ้นให้ผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่

เมื่อ Fibroblast ถูกกระตุ้น มันก็จะเริ่มกระบวนการสังเคราะห์และหลั่งโปรตีนออกมา ซึ่งก็คือ คอลลาเจน Type I และ Type III ที่ให้ความแข็งแรงและความยืดหยุ่น รวมถึงเส้นใยอีลาสตินที่ช่วยให้ผิวเด้งกลับ


  1. การปรับโครงสร้าง Extracellular Matrix (ECM)

นอกจากคอลลาเจนและอีลาสตินแล้ว Fibroblast ยังผลิตส่วนประกอบอื่นๆ ของ ECM ด้วย การกระตุ้น Fibroblast จึงเป็นการ "ปรับโครงสร้างผิวใหม่" (Skin Remodeling) ในระดับที่ลึกซึ้งกว่าแค่การเติมเต็มครับ ทำให้ผิวโดยรวมมีความแข็งแรง แน่นกระชับ มีระเบียบ และคุณภาพดีขึ้น


  1. ผลลัพธ์ที่ค่อยเป็นค่อยไปและเป็นธรรมชาติ

เนื่องจากผลลัพธ์ที่แท้จริงเกิดจากการที่ร่างกาย "สร้าง" คอลลาเจนและอีลาสตินขึ้นมาเอง กระบวนการนี้จึงต้องใช้เวลาครับ ผลลัพธ์มักจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในหลายสัปดาห์ และค่อยๆ ชัดเจนขึ้นเต็มที่ในหลายเดือน (มักจะประมาณ 1-3 เดือน หรือนานกว่านั้น ขึ้นอยู่กับชนิดของ Biostimulator และการตอบสนองของแต่ละบุคคล) ความพิเศษของผลลัพธ์แบบค่อยเป็นค่อยไปนี้เองครับ ที่ทำให้ผิวดูดีขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ เหมือน "อ่อนเยาว์ลงจริง" โดยไม่มีใครรู้ว่าไปทำอะไรมา

เจาะลึกประเภทของ Biostimulator ที่ Entrio Clinic คลินิกเสริมความงาม ราชประสงค์... "ท้าพิสูจน์" เลือกที่ใช่สำหรับคุณ!

หลังจากที่เราได้ทำความเข้าใจถึงการทำงานพื้นฐานของ Biostimulator สารกระตุ้นคอลลาเจน ที่เปรียบเสมือนกุญแจสำคัญในการ "ปลุก" พลังผิวให้สร้างคอลลาเจนและอีลาสตินขึ้นมาเองตามธรรมชาติแล้ว ตอนนี้ได้เวลาที่เราจะมา "ท้าพิสูจน์" คุณสมบัติอันน่าทึ่งของ Biostimulator แต่ละชนิดครับ

การที่ผม หมอโนโน่ Entrio Clinic เลือกนำเสนอ สารกระตุ้นคอลลาเจน ที่หลากหลาย ไม่ได้มีแค่ชนิดเดียว เป็นเพราะหมอเชื่อว่า ปัญหาผิวและความต้องการของแต่ละบุคคลนั้นมีความเฉพาะเจาะจงครับ Biostimulator แต่ละชนิดมีสารสำคัญ กลไกการทำงาน และผลลัพธ์ที่โดดเด่นแตกต่างกัน การเลือกใช้ Biostimulator ที่ "ใช่" สำหรับปัญหาของคุณจริงๆ จะนำไปสู่ผลลัพธ์ของ ผิวเด็กอ่อนเยาว์ และการ ฟื้นฟูผิว ที่ตรงจุดและมีประสิทธิภาพสูงสุดครับ

มาเจาะลึกถึง Biostimulator แต่ละประเภทครับ ว่ามีคุณสมบัติอย่างไร และเหมาะกับใครบ้าง


1. Sculptra (สคาลป์ทรา): Biostimulator ตัวแม่... เน้นสร้าง Volume และโครงสร้างที่ยั่งยืน

Sculptra (สคาลป์ทรา): Biostimulator ตัวแม่... เน้นสร้าง Volume และโครงสร้างที่ยั่งยืน
Sculptra (สคาลป์ทรา): Biostimulator ตัวแม่... เน้นสร้าง Volume และโครงสร้างที่ยั่งยืน
  • สารสำคัญและคุณสมบัติเฉพาะ

Sculptra มีสารสำคัญคือ Poly-L-Lactic Acid (PLLA) ซึ่งเป็น Polymer สังเคราะห์ที่เข้ากันได้ดีกับร่างกาย (Biocompatible) และสามารถ สลายไปได้เองตามธรรมชาติ (Biodegradable) ครับ PLLA ใน Sculptra ไม่ได้อยู่ในรูปเจล หรือของเหลวใสแบบ Filler ทั่วไปครับ แต่มาในรูปของอนุภาคเล็กๆ ที่ต้องนำมาผสมกับน้ำกลั่นก่อนฉีด


  • กลไกการทำงานเชิงลึก

เมื่อฉีด Sculptra ซึ่งมีอนุภาค PLLA เข้าไปในชั้นหนังแท้ส่วนลึก หรือชั้นใต้ผิวหนัง อนุภาค PLLA จะไปสร้างสภาพแวดล้อมขนาดเล็กในเนื้อเยื่อ และกระตุ้นให้เกิดการตอบสนองทางชีวภาพอย่างต่อเนื่องครับ กลไกหลักคือการ กระตุ้นให้เซลล์ Fibroblast สร้างคอลลาเจน Type I ขึ้นมาใหม่ในปริมาณมาก ซึ่งคอลลาเจน Type I คือคอลลาเจนหลักที่ให้ความแข็งแรงและ Volume ในชั้นผิวเมื่อวัยเยาว์ครับ อนุภาค PLLA จะค่อยๆ สลายไปเองภายในระยะเวลาหลายเดือน โดยทิ้งโครงสร้างคอลลาเจนใหม่ที่แข็งแรงไว้แทนที่ สำคัญคือ Sculptra ไม่ได้ให้ Volume ทันทีหลังฉีดครับ แต่ Volume ที่ได้จะเกิดจากการสร้างคอลลาเจนใหม่ของร่างกายเองแบบค่อยเป็นค่อยไป


  • ผลลัพธ์ที่โดดเด่นและเหมาะสำหรับ

Sculptra โดดเด่นที่สุดในเรื่องการ สร้าง Volume ที่หายไปอย่างเป็นธรรมชาติ และ ฟื้นฟูโครงสร้างผิว โดยรวมครับ เหมาะกับผู้ที่มีปัญหา Volume Loss ทั่วใบหน้า อย่างชัดเจน เช่น แก้มตอบ ขมับตอบ ใต้ตาที่ดูโทรม หรือผู้ที่ต้องการ ฟื้นฟูโครงสร้างผิว โดยรวมให้แข็งแรงขึ้น และต้องการ ปรับรูปหน้า ให้ดูเต็มอิ่มขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติในระยะยาว ผลลัพธ์ที่ได้จาก Sculptra จะค่อยๆ ปรากฏชัดเจนขึ้น ไม่ได้เห็นผลทันทีเหมือน Filler ครับ แต่ผลลัพธ์ที่ได้คือ Volume และความแน่นที่เกิดจากคอลลาเจนของร่างกายคุณเอง ซึ่งดูเป็นธรรมชาติมาก และไม่มีใครรู้ว่าไปทำอะไรมา แต่รู้สึกว่าดูดีขึ้น อ่อนเยาว์ขึ้น


  • บริเวณที่นิยมทำและข้อควรทราบ

นิยมทำบริเวณที่มี Volume Loss เช่น แก้มตอบ ขมับตอบ ใต้ตา (ที่ดูโทรม/ยุบ), บริเวณแนวกราม (เพื่อช่วยเสริมโครงสร้าง), หรือทั่วใบหน้าเพื่อฟื้นฟูโครงสร้างผิวโดยรวม ข้อควรทราบคือ Sculptra ไม่ได้เป็น Program ที่เหมาะกับการฉีดตรงๆ ในบริเวณที่มีการขยับมากและเป็นร่องลึกถาวร เช่น ร่องแก้ม หรือร่องน้ำหมาก เนื่องจากอาจมีความเสี่ยงในการเกิดก้อนหรือความไม่เรียบเนียนครับ แต่สามารถฉีดบริเวณรอบเคียงเพื่อยกพยุงได้ภายใต้การประเมินของแพทย์


  • ระยะเวลาเห็นผลและคงอยู่

ผลลัพธ์จาก Sculptra จะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยใน 1-2 เดือนหลังฉีด และจะค่อยๆ ชัดเจนขึ้นเต็มที่ในช่วง 3-6 เดือนครับ และให้ผลลัพธ์ที่อยู่ได้ ยาวนาน โดยเฉลี่ย 1-2 ปี หรืออาจถึง 2 ปีขึ้นไป ครับ ทำให้เป็นการลงทุนเพื่อผิวที่คุ้มค่าในระยะยาว


  • บริเวณที่นิยมทำ

นิยมทำบริเวณ ใบหน้าส่วนกลางและส่วนล่าง เช่น ขมับ, หน้าแก้ม(เพื่อช่วยยกกระชับ), กรอบหน้า และสามารถใช้กับบริเวณอื่นได้ภายใต้การประเมินของแพทย์


2. Radiesse (เรเดียส): Biostimulator Dual Action... เติมเต็มทันที + กระตุ้นคอลลาเจนยาวนาน


Radiesse (เรเดียส): Biostimulator Dual Action... เติมเต็มทันที + กระตุ้นคอลลาเจนยาวนาน
Radiesse (เรเดียส): Biostimulator Dual Action... เติมเต็มทันที + กระตุ้นคอลลาเจนยาวนาน
  • สารสำคัญและคุณสมบัติเฉพาะ

Radiesse มีสารสำคัญคือ Calcium Hydroxylapatite (CaHA) Microspheres ขนาดเล็ก แขวนลอยอยู่ในเจลนำพาที่เป็นน้ำ (Water-based gel) CaHA เป็นแร่ธาตุที่พบได้ตามธรรมชาติในกระดูกและฟันของเรา จึงมีความเข้ากันได้ทางชีวภาพสูงมากครับ


  • กลไกการทำงานเชิงลึก (Dual Action)

Radiesse มีกลไกการทำงานแบบสองขั้นตอน (Dual Action) ที่น่าสนใจครับ


  • Action 1 - Immediate Volumization

เมื่อฉีด Radiesse เข้าไปในชั้นผิว เจลนำพาที่เป็นน้ำจะเข้าไป เติมเต็ม Volume ในบริเวณที่ฉีดทันที ทำให้เห็นผลการเปลี่ยนแปลงเรื่องความเต็มอิ่ม ร่องลึกดูตื้นขึ้นทันทีหลังทำ (นี่คือส่วนที่คล้าย Filler ครับ และเป็นส่วนที่ Radiesse แตกต่างจาก Biostimu ที่ไม่ให้ Volume ทันที)


  • Action 2 - Long-term Biostimulation

อนุภาค CaHA Microspheres ที่อยู่ในเจลนำพา จะไป กระตุ้นเซลล์ Fibroblast ให้เริ่มกระบวนการสร้างคอลลาเจนใหม่ครับ โดย CaHA จะเป็นเหมือน "นั่งร้าน" ชั่วคราวให้เซลล์เข้ามาเกาะและสร้างคอลลาเจนครับ เมื่อเวลาผ่านไป เจลนำพาจะค่อยๆ ถูกดูดซึมไป แต่ CaHA Microspheres และคอลลาเจน Type I และ Type III ที่ร่างกายสร้างขึ้นใหม่จะยังคงอยู่ ทำหน้าที่พยุงและเสริมโครงสร้างผิวในระยะยาว


  • ผลลัพธ์ที่โดดเด่นและเหมาะสำหรับ

Radiesse เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ การเติมเต็ม Volume ทันที พร้อมกับการ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เพื่อผลลัพธ์ที่อยู่ได้ยาวนานและดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น เหมาะกับการแก้ไขปัญหา ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก แก้ไขแนวขากรรไกรให้ชัดขึ้น (Jawline Contouring) หรือใช้เทคนิคการฉีดในชั้นลึกเพื่อช่วย ยกกระชับใบหน้า (Vector Lifting) ในผู้ที่มีปัญหาความหย่อนคล้อยเล็กน้อยถึงปานกลาง และยังสามารถใช้กับบริเวณ หลังมือ ที่เริ่มมีริ้วรอยและเส้นเลือดปูด


  • ระยะเวลาเห็นผลและคงอยู่

เห็นผลเรื่องการเติมเต็มทันทีจากเจลนำพาครับ และผลลัพธ์จากการกระตุ้นคอลลาเจนจะค่อยๆ ปรากฏชัดเจนขึ้นในหลายสัปดาห์ถึงหลายเดือนหลังทำ ผลลัพธ์รวมจาก Radiesse อยู่ได้ ยาวนาน โดยเฉลี่ย 1 ปี หรือมากกว่า ขึ้นอยู่กับการตอบสนองของแต่ละบุคคลและบริเวณที่ทำ


  • บริเวณที่นิยมทำ

ร่องแก้ม, ร่องน้ำหมาก, บริเวณคาง (เพื่อปรับรูปหน้า), แนวกราม, ขมับตอบ, หลังมือ


3. Profhilo (โปรฟิโล): Biostimulator เพื่อ "คุณภาพผิว"... ผิวดูอิ่มฟู แน่นกระชับ โกลว์ใส จากภายใน

Profhilo (โปรฟิโล): Biostimulator เพื่อ "คุณภาพผิว"... ผิวดูอิ่มฟู แน่นกระชับ โกลว์ใส จากภายใน
Profhilo (โปรฟิโล): Biostimulator เพื่อ "คุณภาพผิว"... ผิวดูอิ่มฟู แน่นกระชับ โกลว์ใส จากภายใน
  • สารสำคัญและคุณสมบัติเฉพาะ

Profhilo มีสารสำคัญคือ Hyaluronic Acid (HA) Complex ความบริสุทธิ์สูง 100% โดยใช้ Hyaluronic Acid สองขนาด (High-molecular-weight และ Low-molecular-weight) มาผ่านกระบวนการ Bio-compatible Thermal Cross-linking ซึ่งเป็นเทคนิคพิเศษ ทำให้ได้ HA Complex ที่มีความหนืดต่ำ ไม่ Cross-linked เหมือนใน Filler HA ทั่วไปครับ


  • กลไกการทำงานเชิงลึก

เมื่อฉีด Profhilo เข้าไปในชั้นหนังแท้ ด้วยเทคนิคการฉีดเฉพาะ 5 จุด BAP (Bio Aesthetic Point) ต่อข้างบนใบหน้า (ซึ่งเป็นจุดที่คำนวณมาแล้วว่าปลอดภัยและกระจายตัวได้ดี) หรือบริเวณอื่นๆ Profhilo จะไม่คงที่เป็นก้อน แต่จะค่อยๆ กระจายตัว ไปทั่วชั้นผิวบริเวณที่ฉีดอย่างรวดเร็วและสม่ำเสมอครับ และ HA Complex นี้จะไป กระตุ้นเซลล์ Fibroblast ให้ทำงานอย่างแข็งขัน เพื่อ สร้างคอลลาเจน (โดยเฉพาะ Type I และ Type III), อีลาสติน, และ Hyaluronic Acid ในชั้นผิวขึ้นมาใหม่ครับ เป็นการ ฟื้นฟูโครงสร้างผิว (Remodeling) ในระดับชั้นหนังแท้โดยตรง


  • ผลลัพธ์ที่โดดเด่นและเหมาะสำหรับ

Profhilo ไม่ได้เน้นการเติมเต็ม Volume เหมือน Filler HA ทั่วไปครับ แต่เน้นการ "ฟื้นฟูคุณภาพผิว" โดยรวม ทำให้ผิวดู อิ่มฟู ชุ่มชื้น จากภายใน (Hydro Effect), ผิวดู แน่นกระชับขึ้น (Lifting Effect จากการสร้างคอลลาเจน/อีลาสติน), ผิวดู ยืดหยุ่นขึ้น, และดู โกลว์ใส ขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ เหมาะกับผู้ที่มีปัญหา ผิวแห้งขาดน้ำ, ผิวดู โทรม ไม่สดใส, ผิวเริ่ม หย่อนคล้อยเล็กน้อย, มี ริ้วรอยเล็กๆ ทั่วใบหน้า, หรือผู้ที่ต้องการ ปรับปรุงคุณภาพผิว ให้ดูมีสุขภาพดีขึ้นอย่างองค์รวม


  • ระยะเวลาเห็นผลและคงอยู่

ผลลัพธ์จาก Profhilo เริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยใน 2-3 สัปดาห์ และจะค่อยๆ ชัดเจนขึ้นเต็มที่ใน 1-2 เดือนหลังทำครับ และผลลัพธ์อยู่ได้ประมาณ 6-8 เดือน ครับ แนะนำให้ทำต่อเนื่องตามคำแนะนำของแพทย์ (เช่น 2 ครั้ง ห่างกัน 1 เดือน และฉีดซ้ำทุก 6-12 เดือน) เพื่อคงผลลัพธ์การ ฟื้นฟูผิว ที่ดี


  • บริเวณที่นิยมทำ

ทั่วใบหน้า (โดยใช้เทคนิค BAP 5 จุด), ลำคอ, หลังมือ, ท้องแขน


4. Juvelook (จูวีลุค): Biostimulator สำหรับ "งานผิว"... แก้ปัญหา รูขุมขน หลุมสิว ริ้วรอยเล็กๆ ใต้ตา พร้อมกระตุ้นคอลลาเจน

Juvelook (จูวีลุค): Biostimulator สำหรับ "งานผิว"... แก้ปัญหา รูขุมขน หลุมสิว ริ้วรอยเล็กๆ ใต้ตา พร้อมกระตุ้นคอลลาเจน
Juvelook (จูวีลุค): Biostimulator สำหรับ "งานผิว"... แก้ปัญหา รูขุมขน หลุมสิว ริ้วรอยเล็กๆ ใต้ตา พร้อมกระตุ้นคอลลาเจน
  • สารสำคัญและคุณสมบัติเฉพาะ

Juvelook เป็น Biostimulator รุ่นใหม่ที่มีความพิเศษคือ การรวมเอา Poly D,L-lactic Acid (PDLLA) Microspheres ซึ่งเป็น Biostimulator หลัก เข้ากับ Hyaluronic Acid (HA) ครับ เป็นนวัตกรรมที่ออกแบบมาเพื่อแก้ไขปัญหาคุณภาพผิวโดยเฉพาะ


  • กลไกการทำงานเชิงลึก (Dual Action ที่เน้นงานผิว)

Juvelook ก็ทำงานแบบ Dual Action ครับ แต่เน้นไปที่ปัญหาผิวในชั้นตื้นและชั้นกลาง


  • Action 1 - Immediate Effect from HA

Hyaluronic Acid ใน Juvelook จะช่วยเติมเต็มและให้ความชุ่มชื้นในบริเวณที่ฉีดทันที ทำให้ผิวดูอิ่มฟู และริ้วรอยเล็กๆ ดูตื้นขึ้นชั่วคราว


  • Action 2 - Long-term Stimulation from PDLLA

อนุภาค PDLLA Microspheres จะไป กระตุ้นเซลล์ Fibroblast ให้สร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ครับ PDLLA ใน Juvelook มีลักษณะเฉพาะที่เหมาะกับการฉีดในชั้นผิวที่ค่อนข้างตื้น ทำให้สามารถแก้ไขปัญหาคุณภาพผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ


  • ผลลัพธ์ที่โดดเด่นและเหมาะสำหรับ

Juvelook โดดเด่นมากในเรื่องการ ปรับปรุงคุณภาพผิว (Skin Quality) ครับ เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหา รูขุมขนกว้าง, รอยแผลเป็นหลุมสิว (Atrophic Scars), ริ้วรอยเล็กๆ ทั่วใบหน้า (Fine Wrinkles), ปัญหา ใต้ตา เช่น เบ้าตาลึก ริ้วรอยใต้ตาคล้ำ หรือผู้ที่ต้องการให้ผิวโดยรวมดู เรียบเนียนละเอียด ขึ้น และแน่นกระชับขึ้นจากการสร้างคอลลาเจน


  • ระยะเวลาเห็นผลและคงอยู่

เห็นผลเรื่องความอิ่มฟูและริ้วรอยดูตื้นขึ้นทันทีจาก HA และผลลัพธ์จากการกระตุ้นคอลลาเจนจะค่อยๆ ปรากฏชัดเจนขึ้นใน 1-2 เดือนหลังทำ และผลลัพธ์อยู่ได้ ยาวนาน โดยเฉลี่ย 1 ปี หรือมากกว่า ขึ้นอยู่กับการตอบสนองของแต่ละบุคคลและปัญหาที่แก้ไขครับ มักแนะนำให้ทำต่อเนื่องครับ เพื่อคงผลลัพธ์การ ฟื้นฟูผิว


  • บริเวณที่นิยมทำ

ใบหน้าทั่วบริเวณ, รูขุมขนแก้ม, รอยแผลเป็นหลุมสิว, ใต้ตา, คอ, หลังมือ


5. Definisse Hydrobooster: Hybrid Filler & Skinbooster ที่มีคุณสมบัติ Biostimulation

Definisse Hydrobooster: Hybrid Filler & Skinbooster ที่มีคุณสมบัติ Biostimulation
Definisse Hydrobooster: Hybrid Filler & Skinbooster ที่มีคุณสมบัติ Biostimulation
  • ทำความเข้าใจในบริบท

Definisse Hydrobooster ซึ่งเป็นนวัตกรรมในกลุ่ม Hybrid Filler & Skinbooster ครับ แม้จะจัดอยู่ในกลุ่ม Filler หลัก (Hyaluronic Acid) แต่ Definisse Hydrobooster มีความพิเศษคือ เป็นการรวมเอา Hyaluronic Acid ที่ไม่ Cross-linked ความเข้มข้นสูง เข้ากับ Glycerol และเทคโนโลยีเฉพาะ ที่เน้นการให้ความชุ่มชื้นและ กระตุ้นคอลลาเจน ในระดับหนึ่ง จึงมีคุณสมบัติคล้าย Biostimulation เสริมเข้ามาครับ มีความคล้ายคลึงกับ Program ในกลุ่ม Skinbooster อย่าง Belotero Revive


  • สารสำคัญหลัก

Non-Cross-linked Hyaluronic Acid + Glycerol


  • กลไกการทำงาน

Definisse Hydrobooster ทำงานสองส่วนหลักคือ การให้ความชุ่มชื้น และ การกระตุ้นคอลลาเจน ครับ HA ที่ไม่ Cross-linked และ Glycerol จะช่วยดึงน้ำและให้ความชุ่มชื้นในชั้นผิว ทำให้ผิวดูอิ่มฟู ส่วนเทคโนโลยีเฉพาะของ Definisse Hydrobooster จะช่วยกระตุ้นเซลล์ Fibroblast ให้สร้างคอลลาเจนเล็กน้อยในบริเวณที่ฉีดครับ มักใช้ฉีดกระจายทั่วชั้นหนังแท้ หรือบริเวณที่ต้องการความชุ่มชื้นและ Biostimulation ระดับปานกลาง


  • ผลลัพธ์ที่โดดเด่นและเหมาะสำหรับ

Definisse Hydrobooster เน้นการ ฟื้นฟูคุณภาพผิว โดยให้ความสำคัญกับการ เพิ่มความชุ่มชื้น ทำให้ผิวดู อิ่มน้ำ โกลว์ใส และ กระชับขึ้นเล็กน้อย จากการกระตุ้นคอลลาเจน เหมาะกับผู้ที่มีปัญหา ผิวแห้งขาดน้ำ, ผิวดู ไม่สดใส, มี ริ้วรอยตื้นๆ ทั่วใบหน้า หรือผู้ที่ต้องการ บำรุงผิว ให้ดูมีสุขภาพดีและมีความยืดหยุ่นมากขึ้น เป็นเหมือน Skinbooster คุณภาพสูงที่มีคุณสมบัติ Biostimulation เสริมเข้ามา


  • ระยะเวลาเห็นผลและคงอยู่

เห็นผลเรื่องความชุ่มชื้นและผิวดูอิ่มน้ำทันที และผลลัพธ์จากการกระตุ้นคอลลาเจนจะค่อยๆ ปรากฏครับ ผลลัพธ์อยู่ได้ประมาณ 6-9 เดือน ขึ้นอยู่กับการตอบสนองและการดูแล


  • บริเวณที่นิยมทำ

ทั่วใบหน้า, ลำคอ, หลังมือ


ตารางสรุปประเภทของ Biostimulator และ Hybrid Filler ที่ Entrio Clinic ราชประสงค์

เพื่อให้เห็นภาพรวมและข้อแตกต่างของ สารกระตุ้นคอลลาเจน และกลุ่มใกล้เคียงที่ Entrio Clinic อย่างชัดเจนครับ

คุณสมบัติ / ชื่อผลิตภัณฑ์

Sculptra (PLLA)

Radiesse (CaHA)

Profhilo (HA Complex)

Juvelook (PDLLA + HA)

Definisse Hydrobooster (HA + Glycerol)

สารสำคัญหลัก

Poly-L-Lactic Acid (PLLA)

Calcium Hydroxylapatite (CaHA)

Hyaluronic Acid (HA) Complex

PDLLA + Hyaluronic Acid (HA)

Non-Cross-linked HA + Glycerol

กลไกการกระตุ้น

กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน (Type I)

กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน (Type I, III)

กระตุ้นคอลลาเจน, อีลาสติน, HA

กระตุ้นคอลลาเจน (PDLLA) + เติมเต็ม (HA)

กระตุ้นคอลลาเจนเล็กน้อย + ให้ความชุ่มชื้น (HA/Glycerol)

เน้นผลลัพธ์

สร้าง Volume ค่อยๆ (จากคอลลาเจน), ฟื้นฟูโครงสร้าง

เติมเต็มทันที (จากเจล) + กระตุ้นคอลลาเจน

ฟื้นฟูคุณภาพผิว, ความชุ่มชื้น, ผิวแน่น

เติมเต็มทันที (จาก HA) + กระตุ้นคอลลาเจน, แก้ปัญหาผิว (รูขุมขน, หลุมสิว, ใต้ตา)

ให้ความชุ่มชื้น, ผิวอิ่มน้ำ, กระตุ้นคอลลาเจนเล็กน้อย

เห็นผลเต็มที่

ค่อยๆ เห็นผลใน 3-6 เดือน

เห็นผลทันที (จากเจล) + ค่อยๆ เห็นผล (จากคอลลาเจน)

ค่อยๆ เห็นผลใน 2-3 เดือน

เห็นผลทันที (จาก HA) + ค่อยๆ เห็นผล (จากคอลลาเจน)

เห็นผลทันที (จาก HA/Glycerol) + ค่อยๆ เห็นผล (จากคอลลาเจน)

ระยะเวลาผลลัพธ์ (โดยประมาณ)

1-2 ปี+

1 ปี+

6-8 เดือน

1 ปี+

6-9 เดือน

เหมาะสำหรับ

Volume Loss ทั่วหน้า, ต้องการผลธรรมชาติและยาวนาน

Volume Loss, ความหย่อนคล้อย, ร่องลึก (ร่องแก้ม/น้ำหมาก), ต้องการผลทันที+ยาวนาน

ผิวแห้ง, โทรม, ริ้วรอยเล็กๆ, ต้องการฟื้นฟูคุณภาพผิวโดยรวม

รูขุมขน, หลุมสิว, ริ้วรอยเล็กๆ, ใต้ตา, ต้องการเติมเต็ม+กระตุ้น

ผิวแห้ง, ขาดน้ำ, ต้องการผิวอิ่มน้ำ, ริ้วรอยตื้นๆ

บริเวณที่นิยมทำ

ขมับ, หน้าแก้ม (ช่วยยก), กรอบหน้า, ทั่วหน้า (ฟื้นฟูโครงสร้าง)

ร่องแก้ม, ร่องน้ำหมาก, กรอบหน้า, หลังมือ

(ใช้ CaHA เพื่อเสริมโครงสร้างกระดูก/เนื้อเยื่อ)

ทั่วใบหน้า (BAP 5 จุด), คอ, หลังมือ

รูขุมขน, หลุมสิว, ใต้ตา, ทั่วหน้า

ทั่วใบหน้า, คอ, หลังมือ


ข้อควรทราบ: ข้อมูลระยะเวลาผลลัพธ์เป็นค่าเฉลี่ยที่ได้จากการศึกษาและประสบการณ์ครับ ผลลัพธ์จริงอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับการตอบสนองของร่างกาย ปัญหาเริ่มต้น จำนวนครั้งที่ทำ และการดูแลตัวเองหลังทำครับ

Biostimulator vs. Filler: ไม่เหมือนกันนะครับ! รู้ก่อน... จะได้เลือกถูก!

หนึ่งในความเข้าใจผิดที่หมอพบบ่อย และเป็นจุดที่หลายคนสับสน นั่นก็คือความแตกต่างระหว่าง Biostimulator สารกระตุ้นคอลลาเจน และ Dermal Filler หรือที่เราเรียกสั้นๆ ว่า โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ (Filler) ครับ หลายคนอาจมองว่ามันคล้ายกัน เพราะเป็นการฉีดเข้าผิวเหมือนกัน และช่วยให้ผิวดูเต็มขึ้นเหมือนกัน แต่จริงๆ แล้ว ทั้งสองอย่างนี้ ไม่เหมือนกัน อย่างสิ้นเชิงครับ!

ผมที่เป็นแพทย์ดูแลด้านเวชกรรมความงามที่ Entrio Clinic คลินิกเสริมความงาม ราชประสงค์ หมออยากให้ทุกคน "รู้ก่อน" ทำความเข้าใจความแตกต่างเหล่านี้ เพื่อให้สามารถ "เลือก" หัตถการที่เหมาะสมกับปัญหาและเป้าหมายของตัวเองได้อย่าง "ถูกต้อง" ครับ


Biostimulator vs. Filler: ไม่เหมือนกันนะครับ! รู้ก่อน... จะได้เลือกถูก!
Biostimulator vs. Filler: ไม่เหมือนกันนะครับ! รู้ก่อน... จะได้เลือกถูก!

ข้อแตกต่างที่สำคัญที่หมออยากให้ทุกคนเข้าใจ

  1. กลไกการทำงาน (Mechanism of Action): ต้นเหตุ vs. ปลายเหตุ?

    • โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ (Filler)

ลองนึกภาพ Filler (โดยเฉพาะ Filler HA หรือ Hyaluronic Acid) เหมือน "อิฐ" หรือ "สารเติมเต็มสำเร็จรูป" ครับ เมื่อฉีดเข้าไปในบริเวณที่ต้องการ เช่น ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก หรือบริเวณที่ยุบตัวลง สาร Filler จะเข้าไป "เติมเต็มช่องว่าง" หรือ "พยุง" เนื้อเยื่อในบริเวณนั้นทันทีครับ ทำให้เราเห็นผลลัพธ์เรื่อง Volume ที่เพิ่มขึ้น หรือร่องลึกที่ตื้นขึ้น ทันที หลังการฉีด กลไกหลักคือการเพิ่ม Volume จาก "สารภายนอก" ที่เราฉีดเข้าไป สาร Filler ส่วนใหญ่จะค่อยๆ สลายไปเองตามธรรมชาติในระยะเวลาหนึ่ง (ซึ่งแตกต่างกันไปตามชนิดและความหนาแน่นของ Filler)


  • โปรแกรมไหมน้ำ หรือ สารกระตุ้นคอลลาเจน (Biostimulator)

ในทางตรงกันข้าม Biostimulator ไม่ได้เน้นการเติมเต็มด้วยสารจากภายนอกแบบทันทีครับ แต่ Biostimulator เปรียบเสมือน "ผู้ปลุกพลัง Fibroblast" หรือเป็น "วัตถุดิบชั้นดี" ที่เมื่อฉีดเข้าไปในชั้นผิวแล้ว จะไป "กระตุ้น" ให้เซลล์ Fibroblast ซึ่งเป็นโรงงานผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินของผิวเราเอง ให้กลับมาทำงานอย่างแข็งขัน และ "สร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ขึ้นมาเอง" ตามธรรมชาติครับ ผลลัพธ์เรื่อง Volume ความแน่นกระชับ หรือการ ฟื้นฟูผิว จึงไม่ได้เห็นทันที แต่จะค่อยๆ ปรากฏชัดเจนขึ้นตามกระบวนการสร้างคอลลาเจนของร่างกาย ซึ่งต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์ถึงหลายเดือนครับ


  1. เปรียบเทียบง่ายๆ

    • โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ (Filler)

คือการ "ซ่อมแซม" อาคารผิวที่ทรุดโทรม ด้วยการนำ "อิฐ" หรือ "วัสดุ" สำเร็จรูปไปเติมในส่วนที่พัง (แก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุ เห็นผลทันที)


  • โปรแกรมไหมน้ำ หรือ สารกระตุ้นคอลลาเจน (Biostimulator)

คือการ "สร้างโรงงานผลิตอิฐ" และ "กระตุ้นให้คนงาน (Fibroblast) กลับมาผลิตอิฐ" เพื่อนำไปซ่อมแซมและเสริมโครงสร้างอาคารผิวขึ้นมาใหม่ ด้วยตัวเอง อย่างต่อเนื่อง (แก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ ผลลัพธ์ค่อยเป็นค่อยไป แต่ยั่งยืนกว่า)


  1. องค์ประกอบของสาร (Composition): ต่างกัน... จึงทำงานต่างกัน!

    • โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ (Filler)

Filler ที่นิยมใช้ส่วนใหญ่มีสารสำคัญคือ Hyaluronic Acid (HA) ครับ ซึ่งเป็นสารที่มีอยู่ในผิวตามธรรมชาติ HA ใน Filler จะผ่านกระบวนการ "Cross-linking" หรือการเชื่อมโยงโมเลกุล เพื่อให้มีความคงตัว มีความหนืด และคงอยู่ในเนื้อเยื่อได้นานขึ้นครับ ระดับของการ Cross-linking ที่แตกต่างกัน ทำให้ได้ Filler ที่มีคุณสมบัติและความหนืดหลากหลาย เหมาะกับการเติมเต็มในชั้นผิวและความลึกที่แตกต่างกันไป (เช่น Filler สำหรับเติมปาก ใต้ตา แก้ม หรือปรับรูปหน้า)


  • โปรแกรมไหมน้ำ หรือ สารกระตุ้นคอลลาเจน (Biostimulator)

มีสารสำคัญที่หลากหลายมากครับ ไม่ใช่ HA แบบ Cross-linked และส่วนใหญ่มีลักษณะเป็น "อนุภาค" ขนาดเล็ก หรือเป็น "โมเลกุล" ที่มีคุณสมบัติเฉพาะในการกระตุ้น Biostimulator หลักๆ ได้แก่:

  • PLLA (Poly-L-Lactic Acid): เป็น Polymer สังเคราะห์ในรูปอนุภาค เช่นใน Sculptra

  • CaHA (Calcium Hydroxylapatite): เป็นแร่ธาตุในรูปอนุภาคขนาดเล็ก เช่นใน Radiesse

  • HA Complex: เป็น Hyaluronic Acid ที่ไม่ Cross-linked ในรูปแบบพิเศษ ที่เน้นการกระจายตัวและกระตุ้น เช่นใน Profhilo

  • PDLLA (Poly D,L-lactic Acid): เป็น Polymer สังเคราะห์ในรูปอนุภาค เช่นใน Juvelook (ซึ่งผสมกับ HA ด้วย)

  • Non-Cross-linked HA + CaHA: เช่นใน Definisse Hydrobooster

สารสำคัญที่แตกต่างกันนี้เองครับ ที่ส่งผลต่อกลไกการกระตุ้น ลักษณะของผลลัพธ์ และระยะเวลาการคงอยู่


  1. เวลาที่เห็นผลลัพธ์ (Timing of Results): ทันที vs. ค่อยเป็นค่อยไป

    • โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ (Filler)

จุดเด่นคือเห็นผล ทันที หลังการฉีดครับ ร่องลึกดูตื้นขึ้น Volume ในบริเวณที่ต้องการเพิ่มขึ้น ทำให้สามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะจุดได้อย่างรวดเร็ว เหมาะกับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์เร่งด่วน


  • โปรแกรมไหมน้ำ หรือ สารกระตุ้นคอลลาเจน (Biostimulator)

ผลลัพธ์ไม่ได้เห็นทันทีครับ แต่จะค่อยๆ ปรากฏชัดเจนขึ้นตามกระบวนการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินของร่างกาย มักจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยใน 1-2 เดือน และชัดเจนขึ้นเต็มที่ใน 3-6 เดือน หรือนานกว่านั้น ขึ้นอยู่กับชนิดและจำนวนครั้งที่ทำ ข้อดีคือผลลัพธ์แบบค่อยเป็นค่อยไปนี้ ทำให้ดู เป็นธรรมชาติ มาก ไม่ดูเปลี่ยนแปลงกะทันหัน


  1. ลักษณะของผลลัพธ์ (Nature of Results): เติมเต็มเฉพาะจุด vs. ฟื้นฟูองค์รวม

    • โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ (Filler)

เน้น การเติมเต็ม Volume ในบริเวณที่ต้องการอย่างแม่นยำครับ เช่น เติมร่องแก้ม เติมใต้ตา เติมปาก เสริมคาง เน้นการแก้ไขปัญหาเฉพาะจุด หรือปรับรูปหน้าให้ได้สัดส่วนตามต้องการ


  • โปรแกรมไหมน้ำ หรือ สารกระตุ้นคอลลาเจน (Biostimulator)

เน้น การฟื้นฟูคุณภาพผิว โดยรวม และ การสร้าง Volume ที่มาจากเนื้อเยื่อของร่างกายเองครับ ผลลัพธ์มักจะกระจายตัวในบริเวณที่ฉีด ทำให้ผิวโดยรวมดู แน่นกระชับขึ้น มีความ ยืดหยุ่น เพิ่มขึ้น และมี Volume ที่ดูเป็นธรรมชาติกว่า และ Biostimulator บางชนิด (เช่น Juvelook, Morpheus8 - ซึ่งเป็น RF Microneedling แต่มีคุณสมบัติคล้าย Biostimulator ในการปรับโครงสร้างผิว) ยังช่วยปรับปรุงปัญหาคุณภาพผิวอื่นๆ เช่น รูขุมขน หลุมสิว ริ้วรอยเล็กๆ ได้ด้วย


  1. ระยะเวลาผลลัพธ์คงอยู่ (Longevity): ชั่วคราว vs. ยาวนาน

    • โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ (Filler)

ผลลัพธ์อยู่ได้ ชั่วคราว ครับ ขึ้นอยู่กับชนิดของ Filler ความหนาแน่น บริเวณที่ฉีด และปัจจัยของแต่ละบุคคล โดยทั่วไป Filler HA อยู่ได้ตั้งแต่ 6 เดือน - 2 ปี แล้วแต่รุ่น


  • โปรแกรมไหมน้ำ หรือ สารกระตุ้นคอลลาเจน (Biostimulator)

เนื่องจากเป็นการกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินขึ้นมาเอง ผลลัพธ์จึงมักจะอยู่ได้ ยาวนานกว่า Filler ทั่วไปครับ โดยเฉลี่ยอยู่ได้ตั้งแต่ 1 ปี ไปจนถึง 2 ปี หรือมากกว่านั้น (เช่น Sculptra, Radiesse, Juvelook) ส่วน Profhilo และ Hydro Deluxe อาจอยู่ได้สั้นกว่าเล็กน้อย แต่ก็ยังถือว่าค่อนข้างยาวนานเมื่อเทียบกับ Filler บางรุ่นที่เน้นการให้ความชุ่มชื้น


  1. ผู้ที่เหมาะสมและเป้าหมายการรักษา:

    • โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ (Filler)

เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหา Volume Loss เฉพาะจุด อย่างรวดเร็ว ต้องการเติมเต็มร่องลึก ปรับรูปหน้า เสริมคาง เติมปาก หรือใต้ตา ที่ต้องการผลลัพธ์ทันที


  • โปรแกรมไหมน้ำ หรือ สารกระตุ้นคอลลาเจน (Biostimulator)

เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการ ฟื้นฟูสุขภาพผิว โดยรวม ต้องการให้ผิว แน่นกระชับ ขึ้น มี Volume ที่ดู เป็นธรรมชาติ และอยู่ได้ ยาวนาน ผู้ที่มีปัญหา Volume Loss ทั่วใบหน้า หรือผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาคุณภาพผิวอื่นๆ ร่วมด้วย (ขึ้นอยู่กับชนิดของ Biostimulator)


"รู้ก่อน" เลือกถูก... เริ่มต้นที่การปรึกษาแพทย์ผู้มีประสบการณ์!

จากความแตกต่างทั้งหมดที่หมอได้อธิบายมา จะเห็นได้ชัดเจนนะครับว่า Biostimulator และ Filler นั้นมีบทบาทและคุณสมบัติที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ไม่ใช่สิ่งเดียวกัน และไม่ได้ใช้ทดแทนกันได้เสมอไปครับ ในหลายๆ กรณี การทำ Combination Therapy โดยใช้ทั้ง Filler และ Biostimulator ร่วมกัน อาจให้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งกว่าการใช้เพียงอย่างใดอย่างหนึ่งครับ

  • ใช้ Filler ก่อน: เพื่อแก้ไขปัญหา Volume Loss หรือร่องลึกที่ชัดเจนมากๆ ให้เห็นผลทันที


  • ตามด้วย Biostimulator: เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินขึ้นมาเสริม


    โครงสร้างผิวในระยะยาว ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้จาก Filler ดูเป็นธรรมชาติและอยู่ได้ยาวนานขึ้น

การตัดสินใจว่าจะเลือกใช้ Biostimulator ชนิดใด ควรใช้ Filler ด้วยหรือไม่ หรือควรทำ Combination กับ Program อื่นๆ เช่น Botulinum Toxin (Botox) เพื่อลดริ้วรอยจากการแสดงสีหน้า หรือเครื่องยกกระชับต่างๆ (Ulthera Prime, Oligio, Morpheus8) เพื่อแก้ไขปัญหาผิวหย่อนคล้อยในชั้นลึก ต้องอาศัยการประเมินสภาพผิว ปัญหาที่แท้จริง ความคาดหวัง และ Lifestyle ของคุณโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์เท่านั้นครับ!


ทำไมต้อง Biostimulator ที่ Entrio Clinic คลินิกเสริมความงาม ราชประสงค์? "หมอโนโน่ท้าพิสูจน์" คุณภาพและผลลัพธ์!


หลังจากที่เราได้เจาะลึกทำความเข้าใจถึง Biostimulator สารกระตุ้นคอลลาเจน และความแตกต่างจาก Filler กันไปแล้ว คำถามสำคัญที่หลายคนอาจมีในใจก็คือ "ถ้าอยากทำ Biostimulator ควรทำที่ไหนดี?" หรือ "ทำไมต้องเลือก Entrio Clinic สำหรับ Program Biostimulator?"

ในฐานะแพทย์ผู้ก่อตั้งและดูแลคนไข้ด้วยตัวเองที่ Entrio Clinic คลินิกเวชกรรมความงามใจกลางราชประสงค์ หมอขอ "ท้าพิสูจน์" ให้ทุกคนได้เห็นถึงความมุ่งมั่นและตั้งใจของเราในการนำเสนอ Program Biostimulator คุณภาพ และมอบผลลัพธ์ที่ดีที่สุดให้กับคนไข้ครับ นี่คือเหตุผลว่าทำไม Entrio Clinic จึงเป็นตัวเลือกที่คุณมั่นใจได้สำหรับ Program ฟื้นฟูผิว และสู่ ผิวเด็กอ่อนเยาว์ ด้วย Biostimulator


1. ประสบการณ์และความเข้าใจอย่างลึกซึ้งโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์

  • ความเข้าใจในศาสตร์แห่ง Biostimulation

การเลือกใช้ สารกระตุ้นคอลลาเจน ไม่ใช่แค่การรู้จักชื่อผลิตภัณฑ์ครับ แต่ต้องเข้าใจกลไกการทำงานที่ซับซ้อนของมันในระดับเซลล์ การตอบสนองของเนื้อเยื่อ และปัจจัยต่างๆ ที่มีผลต่อการกระตุ้นคอลลาเจน หมอโนโน่ Entrio Clinic มีความรู้และประสบการณ์โดยตรงในการใช้ Biostimulator แต่ละชนิด เข้าใจถึงความแตกต่างอย่างถ่องแท้ว่า สารสำคัญแต่ละตัว (เช่น PLLA ใน Sculptra, CaHA ใน Radiesse, HA Complex ใน Profhilo, PDLLA ใน Juvelook, CaHA + HA ใน Definisse Hydrobooster) มีปฏิกิริยาต่อเนื้อเยื่อและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนอย่างไร


  • การประเมินปัญหาผิวแบบองค์รวม

ใบหน้าของแต่ละคนมีโครงสร้างปัญหาที่แตกต่างกันครับ บางคนอาจมี Volume Loss ที่เกิดจากการสลายของไขมันและคอลลาเจนร่วมกัน บางคนอาจมีปัญหาหลักที่คุณภาพผิว รูขุมขน หรือรอยแผลเป็น การประเมินอย่างละเอียดโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์ จะช่วยให้เราวินิจฉัยสาเหตุที่แท้จริงของปัญหา และเลือก Biostimulator ชนิดที่เหมาะสมที่สุด หรือวางแผน Combination Therapy เพื่อแก้ปัญหาที่ซับซ้อนได้อย่างตรงจุด


  • เทคนิคการฉีดที่แม่นยำและประณีต

การฉีด Biostimulator ต้องอาศัยเทคนิคที่ถูกต้องแม่นยำ การเลือกชั้นผิวที่เหมาะสม และการกระจายตัวของสารที่สม่ำเสมอ เพื่อให้ Biostimulator สามารถกระตุ้นเซลล์ Fibroblast ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และลดความเสี่ยงของการเกิดผลข้างเคียง ด้วยประสบการณ์และเทคนิคของแพทย์ที่ Entrio Clinic คุณมั่นใจได้ในการดูแลที่ปลอดภัยและให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดครับ


2. ความหลากหลายและคุณภาพของ Program Biostimulator ที่คัดสรรมาอย่างดี

  • Program ที่หลากหลาย... เพื่อตอบโจทย์ทุกปัญหา

Entrio Clinic เราไม่ได้มีแค่ Biostimulator เพียงชนิดเดียวครับ เราคัดเลือก สารกระตุ้นคอลลาเจน ชั้นนำมาให้เลือกใช้ Sculptra, Radiesse, Profhilo, Juvelook, Definisse Hydrobooster และ Program อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องครับ ความหลากหลายนี้เป็นข้อได้เปรียบที่สำคัญมากครับ เพราะทำให้แพทย์สามารถเลือกใช้ Biostimulator หรือ Program ที่มีคุณสมบัติเฉพาะเจาะจง เหมาะกับปัญหาผิว บริเวณที่ต้องการรักษา และความคาดหวังในผลลัพธ์ของคนไข้แต่ละรายได้อย่างแท้จริง ไม่ใช่การใช้ "หนึ่งเดียว" แก้ปัญหาทุกอย่าง ซึ่งอาจไม่ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดเสมอไป


  • ผลิตภัณฑ์คุณภาพ ได้มาตรฐาน สแกนเช็คได้

Entrio Clinic ให้ความสำคัญสูงสุดกับการใช้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ และได้มาตรฐานทุกรายการครับ โดยเฉพาะ สารกระตุ้นคอลลาเจน ซึ่งเป็น Program ที่ต้องอาศัยความน่าเชื่อถือของผลิตภัณฑ์ คุณสามารถมั่นใจได้ว่า Biostimulator ที่ใช้ที่ Entrio Clinic เป็นผลิตภัณฑ์ของแท้ สามารถตรวจสอบได้ เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดีที่สุดครับ


3. การออกแบบแผนการรักษาเฉพาะบุคคล (Personalized Treatment Plan) สู่ผลลัพธ์ที่ "ใช่" สำหรับคุณจริงๆ

  • การประเมินอย่างละเอียดก่อนการรักษา

ทุกเคสที่ Entrio Clinic เริ่มต้นด้วยการปรึกษาแพทย์ผู้ประสบการณ์อย่างละเอียดครับ หมอจะใช้เวลาในการทำความเข้าใจปัญหาผิวของคุณ ประวัติสุขภาพ ไลฟ์สไตล์ และที่สำคัญคือความคาดหวังในผลลัพธ์ครับ เราจะประเมินสภาพผิว โครงสร้างใบหน้า และบริเวณที่กังวลอย่างพิถีพิถัน


  • แผนการรักษาที่ปรับให้เหมาะกับคุณโดยเฉพาะ

จากการประเมิน เราจะออกแบบ แผนการรักษา Biostimulator ที่เหมาะสมกับคุณโดยเฉพาะครับ อาจเป็นการใช้ Biostimulator เพียงชนิดเดียว (เช่น Sculptra สำหรับ Volume Loss ทั่วหน้า, Profhilo สำหรับฟื้นฟูคุณภาพผิวโดยรวม, Juvelook สำหรับงานผิวและใต้ตา) หรือการทำ Combination Therapy โดยใช้ Biostimulator หลายชนิดร่วมกันในบริเวณที่แตกต่างกัน หรือทำร่วมกับ Program อื่นๆ

การออกแบบแผนการรักษาเฉพาะบุคคล (Personalized Treatment Plan) สู่ผลลัพธ์ที่ "ใช่" สำหรับคุณจริงๆ
การออกแบบแผนการรักษาเฉพาะบุคคล (Personalized Treatment Plan) สู่ผลลัพธ์ที่ "ใช่" สำหรับคุณจริงๆ
  • Combination Therapy เพื่อผลลัพธ์สมบูรณ์แบบ

Entrio Clinic เราเชื่อในพลังของการทำ Combination Therapy ครับ Program Biostimulator สามารถทำร่วมกับหัตถการอื่นๆ เพื่อเสริมจุดเด่นและแก้ปัญหาได้อย่างครบวงจร เช่น:


  • Program Biostimulator + Filler

เติมเต็ม Volume ที่ชัดเจนทันทีด้วย Filler และเสริมสร้างโครงสร้างผิวในระยะยาวด้วย Biostimulator


  • Program Biostimulator + Botulinum Toxin (Botox)

ลดริ้วรอยจากการแสดงสีหน้า และฟื้นฟูคุณภาพผิว/Volume ด้วย Biostimulator


  • Program Biostimulator + เครื่องยกกระชับ (Ulthera Prime, Oligio, Morpheus8)

ยกกระชับโครงสร้างผิวในชั้นลึกและชั้นตื้น และฟื้นฟูคุณภาพผิว/Volume ด้วย Biostimulator


  • Program Biostimulator + Program ลดไขมันเฉพาะจุด

ลด Volume ไขมันส่วนเกิน และช่วยกระชับผิวที่อาจหย่อนคล้อยหลังไขมันลดลง

การทำ Combination Therapy แบบนี้ ต้องอาศัยวิจารณญาณและประสบการณ์ของแพทย์ในการวางแผน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงาม เป็นธรรมชาติ และคุ้มค่าที่สุดครับ


4. มุ่งเน้นผลลัพธ์ที่ "เป็นธรรมชาติ" และ "ยั่งยืน"

  • ความงามที่มาจากภายใน

Program Biostimulator ทำงานโดยกระตุ้นให้ผิวสร้างคอลลาเจนเองครับ ผลลัพธ์ที่ได้จึงดูเป็นธรรมชาติมาก เนียนกลืนไปกับผิว ไม่ดูเป็นก้อน หรือดู "ทำมา" จนเกินไปครับ นี่คือปรัชญาความงามที่ Entrio Clinic ที่เราเชื่อมั่นใน Refined Aesthetic Experience ความงามที่มาจากการดูแลสุขภาพผิวที่ดีอย่างเป็นธรรมชาติ

  • การลงทุนระยะยาวที่คุ้มค่า

แม้ผลลัพธ์จะไม่เห็นทันที แต่ Biostimulator ให้ผลลัพธ์ที่อยู่ได้ยาวนานกว่า Filler ทั่วไปครับ เป็นการลงทุนเพื่อสุขภาพผิวที่ดีในระยะยาว ช่วยชะลอการเสื่อมของผิว และคงความอ่อนเยาว์ไว้ได้นานขึ้น


5. ที่ตั้งคลินิกใจกลางราชประสงค์ เดินทางสะดวก

Entrio Clinic คลินิกเสริมความงาม ราชประสงค์: คลินิกของเราตั้งอยู่ในทำเลที่เดินทางสะดวกใจกลางเมืองครับ ทำให้การเข้ามาปรึกษาและรับบริการเป็นเรื่องง่าย เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคนในย่านนี้


"หมอโนโน่ท้าพิสูจน์" คุณภาพและผลลัพธ์ ด้วยตัวคุณเอง!

สำหรับหมอโนโน่ และทีมแพทย์ที่ Entrio Clinic เราไม่ได้แค่มี Program Biostimulator ครับ แต่เรามีความตั้งใจจริงที่จะมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับคนไข้ของเรา เราพร้อม "ท้าพิสูจน์" คุณภาพของ Biostimulator ที่เราเลือกใช้ ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของแพทย์ และผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติและยั่งยืนที่คุณจะได้รับ

ถ้าคุณพร้อมที่จะลงทุนเพื่อผิวที่ดูอ่อนเยาว์ สุขภาพดีอย่างยั่งยืน ด้วย Program Biostimulator ที่หลากหลายและได้มาตรฐาน พร้อมการดูแลแบบเฉพาะบุคคลจากแพทย์ผู้มีประสบการณ์ ที่ Entrio Clinic คลินิกเสริมความงาม ราชประสงค์ เรายินดีต้อนรับครับ!

การปรึกษาแพทย์ผู้มีประสบการณ์คือขั้นตอนแรกที่สำคัญที่สุดในการเริ่มต้นดูแลผิวด้วย Biostimulator ครับ มาพูดคุยกับหมอเพื่อประเมินปัญหาและออกแบบ Program ที่ "ใช่" ที่สุดสำหรับคุณครับ


สรุปจากใจหมอโนโน่ Program Biostimulator สารกระตุ้นคอลลาเจน... โอกาสสู่ผิวเด็กอ่อนเยาว์ ที่ Entrio Clinic ราชประสงค์


สรุปจากใจหมอโนโน่ Program Biostimulator สารกระตุ้นคอลลาเจน... โอกาสสู่ผิวเด็กอ่อนเยาว์ ที่ Entrio Clinic ราชประสงค์
สรุปจากใจหมอโนโน่ Program Biostimulator สารกระตุ้นคอลลาเจน... โอกาสสู่ผิวเด็กอ่อนเยาว์ ที่ Entrio Clinic ราชประสงค์

ในฐานะแพทย์ ผมเชื่อว่าการดูแลผิวที่ดีที่สุด คือการดูแลที่เข้าใจในกลไกการทำงานของผิว และเลือกใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมกับปัญหาของแต่ละบุคคลครับ Biostimulator ถือเป็นนวัตกรรมที่เข้ามาเติมเต็มช่องว่างในการดูแลปัญหาผิวที่แก่ขึ้นได้อย่างน่าทึ่ง ด้วยความสามารถในการ กระตุ้นคอลลาเจนและอีลาสติน อย่างเป็นธรรมชาติ ช่วย ฟื้นฟูผิว จากภายใน สู่ผลลัพธ์ของ ผิวเด็กอ่อนเยาว์ ที่ยั่งยืน

ถ้าคุณพร้อมที่จะ "ท้าพิสูจน์" ศักยภาพการฟื้นฟูของผิวตัวเอง และอยากมีผิวที่ดูดีขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติในระยะยาว ด้วย Program Biostimulator ที่หลากหลายและได้มาตรฐาน พร้อมการดูแลโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์ที่ Entrio Clinic คลินิกเสริมความงาม ราชประสงค์ เรายินดีที่จะเป็นผู้ช่วยดูแลคุณในทุกขั้นตอนครับ

การปรึกษาแพทย์ผู้มีประสบการณ์คือจุดเริ่มต้นที่สำคัญที่สุดในการเดินทางสู่ผิวในอุดมคติของคุณครับ มาคุยกันที่ Entrio Clinic ราชประสงค์ เพื่อให้หมอได้ประเมินปัญหาผิวของคุณอย่างละเอียด และออกแบบ Program Biostimulator หรือ Combination Therapy ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณครับ


Entrio Clinic - Refined Aesthetic Experience 

“เราเชื่อว่า ความสวยที่แท้จริง มาจากสุขภาพผิวที่ดี และความเข้าใจในวิทยาศาสตร์” 

📍 ที่ตั้ง: https://maps.app.goo.gl/X9WpN51pnK5otKip8

ชั้น 4 ตึกเอราวัณ แบงค็อก (Erawan Bangkok), สี่แยกราชประสงค์ (หลังศาลท้าวมหาพรหมเอราวัณ) กรุงเทพมหานคร 

💬 Line: @‌entrioclinic หรือคลิก bit.ly/EntrioLine

📞 โทร: 097-154-2222 🌐 Website: entrioclinic.com

📷 Instagram: entrioclinic หรือคลิ๊ก instagram.com/entrioclinic/

 
 
 

Comments


© 2024 เอ็นทริโอ คลินิก. สงวนลิขสิทธิ์

bottom of page